SMK เทรดวันสุดท้าย ก่อนขึ้นเครื่องหมาย SP-ศาลไฟเขียวเลื่อนส่งแผนฟื้นฟู 1 เดือน

SMK เทรดวันสุดท้าย ก่อนขึ้นเครื่องหมาย SP

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดให้ซื้อขายหุ้น SMK เป็นวันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องหมาย SP ขณะที่ล่าสุดศาลล้มละลายกลางอนุมัติขยายเวลาส่งแผนฟื้นฟูออกไป 1 เดือน ครบกำหนด 25 พ.ค.นี้

วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งเตือนกรณีเปิดซื้อขายชั่วคราว หลักทรัพย์ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK โดยวันนี้ (9 ก.พ.) เป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายหลักทรัพย์

ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ SMK ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป และเนื่องจาก SMK เป็นบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังคงขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-compliance) จนกว่าบริษัทจะดำเนินการให้เหตุแห่งการเพิกถอนหมดไปและดำเนินการให้บริษัทมีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายได้

ทั้งนี้ ราคาหุ้น SMK ล่าสุด อยู่ที่ 0.75 บาท

โดยวานนี้ (8 พ.ค.) SMK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตามที่บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ต่อมาศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทดำเนินการพื้นฟูกิจการ และ ตั้ง SMK เป็นผู้ทำแผน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565

โดยคำสั่งตั้งผู้ทำแผนในราชกิจจานุเบกษาได้ถูกจัดพิมพ์และแจกจ่ายเล่มให้สมาชิกหรือประชาชนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 อันเป็นวันเริ่มนับกำหนดระยะเวลาส่งมอบแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือนตามกฎหมาย โดยผู้ทำแผนต้องส่งแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในวันที่ 25 เมษายน 2566 นั้น

ADVERTISMENT

บริษัทขอแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ผู้ทำแผนได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 90/43 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยขอขยายระยะเวลาส่งแผนออกไปอีกเป็นเวลา 1 เดือนนับแต่วันครบกำหนดเดิม ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังต่อไปนี้

ขณะนี้ผู้ทำแผนอยู่ระหว่างการจัดเตรียมร่างแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งต้องมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดหาแหล่งเงินทุน ช่องทางการฟื้นฟูกิจการ และช่องทางต่าง ๆ ในการจ่ายชำระหนี้ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้ทำแผนและที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนที่ให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท ซึ่งมีจำนวนหลายราย โดยขั้นตอนนี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการจัดหาเงินลงทุน รวมถึงรูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนอย่างเหมาะสม และยังมีผลต่อการกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ในการจ่ายชำระหนี้ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการให้มีความชัดเจนมากขึ้น

ประกอบกับที่บริษัทมีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ทั้งสิ้นกว่า 295,312 ราย รวมเป็นจำนวนหนี้มากถึงประมาณ 29,268.71 ล้านบาท ทำให้ในการจัดกลุ่มเจ้าหนี้ การวิเคราะห์ประมาณการทางการเงิน ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท รวมถึงเงื่อนไขการได้รับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ และการปรับโครงสร้างหนี้ ต้องมีความละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้น เหตุผลและความจำเป็นข้างต้นทำให้ผู้ทำแผนจึงมีความจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งในการประมวลข้อมูลและพิจารณาให้รอบคอบถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามแผนพื้นฟูกิจการต่อไปในอนาคต เพื่อกำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสม สามารถปฏิบัติได้ เกิดความเป็นธรรมต่อเจ้าหนี้ทั้งหลาย และเพื่อให้มั่นใจว่าแผนฟื้นฟูกิจการจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้และศาลต่อไป

ทั้งนี้ ศาลล้มละลายกลางได้พิจารณาแล้วและมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการส่งแผนฟื้นฟูกิจการออกไปจนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 โดยหลังจากนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการ ศาลล้มละลายกลาง จะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและแต่งตั้งผู้บริหารแผน และบริษัทฯ จะดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการและจะแจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าใด ๆ ในการฟื้นฟูกิจการรวมถึงความคืบหน้าอื่นเพิ่มเติมต่อไป