เกิดอะไรขึ้น “หุ้นธนาคารพาณิชย์” ปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ กอดคอร่วงยกแผง บล.พาย ชี้นักลงทุนลดความเสี่ยง เทขายทำกำไร กังวลความไม่แน่นอนการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ-ความไม่แน่นอนการจัดรัฐบาล หวั่นบางนโยบายกระทบด้านภาษีนิติบุคคล-ผลการชำระหนี้ อาจกระทบต่อรายได้แบงก์ในอนาคต แนะรอความชัดเจนรัฐบาล “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
วันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวร่วงยกแผง นำโดย บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) -1.91% ตามมาด้วยธนาคารกรุงเทพ (BBL) -1.55% ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) -1.27% ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) -1.11% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) -0.88% ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) -0.68% ธนาคารกรุงไทย (KTB) -0.53% ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) -0.40%
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าสาเหตุที่หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลง มาจากภาพใหญ่ของความไม่แน่นอนการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งหากผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 1 มิ.ย. 2566 จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก ซึ่งอาจจะแย่กว่าที่คาดไว้ก็ได้
ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ แม้ว่าได้ผลการเลือกตั้งของไทยแล้ว แต่ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จึงสร้างความไม่แน่นอนเกิดขึ้น เพราะยังไม่รู้ว่าพรรคใดบ้างจะเป็นรัฐบาล เพราะยังมีกระบวนการอีกหลายขั้นตอน
ทั้งนี้ นโยบายของพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างเป็นนโยบายที่ใช้จ่ายเงินจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีผลต่อรายได้ที่เข้ามาเพื่อจุนเจือรายจ่าย หมายความว่าอาจจะมีผลต่อภาษี เช่น ต้องเก็บภาษีบุคคลธรรมดา/นิติบุคคล เพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือแม้แต่การสร้างรายได้หรือลดต้นทุน เช่น ลดค่าไฟ เป็นต้น เพราะว่าต้องเอาเงินจำนวนมากไปจ่ายให้กับนโยบาย อาทิ จ่ายเงินคนชรา, ปรับขึ้นค่าแรง เป็นต้น ซึ่งนโยบายขึ้นค่าแรงทันทีอาจทำให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กเกิดอาการช็อกขึ้นได้
ตอนนี้นักลงทุนกำลังสับสน เพราะว่าไม่แน่ใจว่าจะกระทบต่อธุรกิจแบงก์อย่างไรบ้าง เช่น นโยบายด้านภาษีนิติบุคคล และนโยบายที่อาจมีผลต่อการชำระหนี้ ซึ่งอาจกระทบต่อรายได้แบงก์ในอนาคต จึงเห็นนักลงทุนลดความเสี่ยง เทขายทำกำไรกันออกมา เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มแบงก์ราคาหุ้นยังปรับตัวลงช้า เพราะว่ากำไรไตรมาส 1/2566 ออกมาค่อนข้างดีและตัวเลขเศรษฐกิจไทยก็ออกมาดีเกินคาด ทำให้หุ้นแบงก์ Outperform
กลยุทธ์ลงทุนระยะสั้น “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” แต่ขอให้รอความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลก่อน รวมถึงนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลด้วย แนะนำซื้อ BBL, KTB, KBANK
