หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้พุ่ง 2.4 หมื่นล้าน จับตา STARK ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 31 พ.ค.นี้

STARK

หุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้พุ่ง! มูลค่าหนี้คงค้างรวมกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท จำนวน 23 รุ่น จาก 9 บริษัท จับตา “STARK” จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 31 พ.ค.นี้ ขอมติยกเว้นเหตุผิดนัด 5 รุ่น มูลหนี้ 9,198 ล้านบาท

วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลบนเว็บไซต์สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เกี่ยวกับหุ้นกู้ที่มีการผิดนัดชำระหนี้ (Default Payment) จนถึงวันที่ 26 พ.ค. 2566 มีอยู่ทั้งหมด 9 บริษัท จำนวน 23 รุ่น มูลค่ากว่า 24,158.66 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) จำนวน 2 รุ่น มีมูลค่าหนี้คงค้างรวม 1,011.9 ล้านบาท โดย ALL แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2566 ว่าหุ้นกู้ ALL235A และ ALL23OA ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 บริษัทไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้งวดที่ถึงกำหนดชำระในวันที่ 13 พ.ค. 2566 และในวันที่ 22 พ.ค. 2566 ได้เต็มจำนวนในวันที่ถึงกำหนดชำระนั้น จึงให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้พิจารณาเพื่อขออนุมัติผ่อนผัน โดยไม่ให้ถือเป็นเหตุผิดนัด ภายในวันที่ 1 มิ.ย. 2566

2.บมจ. ช ทวี (CHO) จำนวน 1 รุ่น (CHO212A) มีมูลค่าหนี้คงค้างรวม 408.98 ล้านบาท โดยครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 ได้ถึงกำหนดชำระดอกเบี้ยและเงินต้น เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2566 เป็นจำนวนที่ต้องชำระ 34,993,507.27 บาท และตามหนังสือที่อ้างถึงซึ่งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้แจ้งให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระดอกเบี้ยโดยเร็วที่สุด แต่ต้องไม่เกินวันที่ 25 พ.ค. 2566

แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้ชำระดอกเบี้ยและเงินต้นภายในวันที่กำหนด บริษัท หลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ขอเรียกให้หุ้นกู้ถึงกำหนดชำระโดยพลันเป็นจำนวนเท่ากับเงินต้น รวมถึงดอกเบี้ยที่ค้างชำระตามที่กำหนดไว้จนถึงวันที่ 21 พ.ค. 2566 รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 416,703,507.27 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยผิดนัดในอัตรา 9.75% นับแต่วันผิดนัดวันที่ 22 พ.ค. 2566 จนกว่าผู้ออกหุ้นกู้จะชำระเสร็จสิ้น (เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย)

โดยขอชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้โดยผ่านทางธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ในฐานะนายทะเบียนและตัวแทนชำระเงินหุ้นกู้ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือบอกกล่าวฉบับนี้ (ภายในวันที่ 25 พ.ค. 2566) หากละเลยไม่ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะดำเนินการฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ตามหุ้นกู้ต่อไป

3.บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) จำนวน 5 รุ่น มีมูลค่าหนี้คงค้าง 9,198.4 ล้านบาท โดย STARK ได้แจ้งข่าวต่อ SET เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2566 ว่าจะชี้แจงเหตุผิดนัดภายใต้ข้อกำหนดสิทธิ โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 31 พ.ค. 2566 เวลา 14.00 น. โดยเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณา 1.การยกเว้นเหตุผิดนัดอันเกิดจากการที่ผู้ออกหุ้นกู้ส่งแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2565 ล่าช้ากว่าที่กฎหมายและข้อกำหนดสิทธิกำหนด 2.การเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระโดยพลัน (จะมีการพิจารณาลงมติในวาระตามข้อ 2 เฉพาะในกรณีที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติ “ไม่ยกเว้นเหตุผิดนัด” ในวาระที่ 1)

ทั้งนี้ หากมี “มติยกเว้นเหตุผิดนัด” จะถือว่าไม่เคยเกิดเหตุผิดนัดนั้นขึ้น แต่ผู้ออกหุ้นกู้จะยังคงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการที่จะต้องนำส่งงบการเงินให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยต่อไป นอกจากนี้ สิทธิของผู้ถือหุ้นกู้ที่จะได้รับ และหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้ที่จะต้องชำระเงินต้น และดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้จะยังคงเป็นเช่นเดิม

ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นกู้มี “มติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัด” ตามที่เสนอย่อมถือว่าเหตุผิดนัดยังคงมีอยู่ และผู้ถือหุ้นกู้ย่อมมีสิทธิตามข้อกำหนดสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย (ผ่านผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้) หากพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากการที่ผู้ออกหุ้นกู้ไม่นำส่งงบการเงินต่อสำนักงาน ก.ล.ต. หรือมีสิทธิเรียกให้หนี้ทั้งหมดภายใต้หุ้นกู้ถึงกำหนดชำระโดยพลัน

4.บมจ.เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ (APEX) จำนวน 1 รุ่น (APEX202A) มีมูลค่าหนี้คงค้าง 765 ล้านบาท โดย APEX แจ้งข่าวต่อ SET ตามที่บริษัทอยู่ระหว่างถูกตลาดหลักทรัพย์ฯมีคําสั่งห้ามซื้อขายหุ้น โดยขึ้นเครื่องหมาย SP เนื่องจากมีการดำเนินงาน หรือฐานะการเงินที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหุ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนนั้น

บริษัทจึงขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงการทำส่งงบการเงิน จากเดิมงบการเงินรายไตรมาส ภายใน 45 วัน และงบการเงินรายปีภายใน 2 เดือน เปลี่ยนแปลงเป็น 1.รายงานทางการเงินสําหรับรอบระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีบัญชีและการวิเคราะห์และคําอธิบายระหว่างกาลของฝ่ายจัดการภายใน 45 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีบัญชี และ 2.งบการเงินประจํารอบปีบัญชีฉบับตรวจสอบ ภายใน 3 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีตามเกณฑ์ ทจ. 44/2556

5.บมจ.เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป (ACAP) จำนวน 7 รุ่น มีมูลค่าหนี้คงค้างรวม 2,575.38 ล้านบาท โดยตาม ACAP ได้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในวันที่ 23 ก.พ. 2564 และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทไปแล้วนั้น ศาลล้มละลายกลางได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2565 และบริษัทสามารถดำเนินการคัดคำสั่งของศาลล้มละลายกลางได้เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2565 โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทด้วยพิจารณาว่าบริษัทยังขาดความชัดเจนในประเด็นหลักในเรื่องของช่องทางการฟื้นฟูกิจการ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะแจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าในการดำเนินการต่อไป

6.บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) จำนวน 4 รุ่น มีมูลค่าหนี้คงค้างรวม 5,750 ล้านบาท เนื่องจากไม่ชำระเงินต้น-ดอกเบี้ย

7.บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) จำนวน 1 รุ่น (IFEC17NA) มีมูลค่าหนี้คงค้าง 3,000 ล้านบาท โดย IFEC แจ้งข่าวต่อ SET เรื่องความคืบหน้าในการเข้าซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของบริษัท โรงแรมดาราเทวี จำกัด และบริษัท เอ.พี.เค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (ฉบับที่ 5) ว่า ข้อสรุปสุดท้ายระหว่าง I Thermal กับผู้ร่วมทุนต้องล่าช้าออกไปจนกว่าจะได้รับคำสั่งศาล

8.บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) จำนวน 1 รุ่น (PACE202A) มีมูลค่าหนี้คงค้าง 1,219 ล้านบาท

9.บมจ.ริช เอเชีย สตีล (RICH) จำนวน 1 รุ่น (RICH17OA) มีมูลค่าหนี้คงค้าง 230 ล้านบาท

หมายเหุต : Default Payment คือ 1.ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ 2.ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย เนื่องจากอยู่ในสภาวะพักการชำระหนี้ (Automatic stay) 3.สมาคมได้รับแจ้งจากผู้ออกตราสารหนี้ หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ว่ามีเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงเหตุผิดนัดเนื่องจาก Cross default