ทำไมหุ้นไทย วอลุ่มเทรดจาก “แสนล้าน” หดเหลือ 3 หมื่นล้านบาท/วัน

หุ้นร่วง

ตลาดหุ้นไทยซึม วอลุ่มซื้อขายจาก “แสนล้าน” หดเหลือ 3-4 หมื่นล้านบาทต่อวัน

วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลาดหุ้นไทยปี 2566 ถือว่ามีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางลงอย่างมาก โดยตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 26 พ.ค. 2566 มีเพียง 2 วันเท่านั้น ที่ดัชนี SET Index เคยขึ้นไปเทรดระดับแสนล้านคือ

  • 15 ก.พ. 2566 วอลุ่มเทรด 114,246.35 ล้านบาท
  • 14 มี.ค. 2566 วอลุ่มเทรด 103,839.82 ล้านบาท

และวอลุ่มเทรดค่อย ๆ ลดลงไปเทรดที่ระดับ 8-6 หมื่นล้านบาทต่อวัน และลดลงไปเทรดที่ระดับ 5-4 หมื่นล้านบาทต่อวัน จนบางวันเหลือวอลุ่มเทรดแค่กว่า 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ประกอบด้วย

  • 7 เม.ย. 2566 วอลุ่มเทรด 34,009.37 ล้านบาท
  • 24 เม.ย. 2566 วอลุ่มเทรด 35,494.52 ล้านบาท
  • 11 เม.ย. 2566 วอลุ่มเทรด 36,044.98 ล้านบาท
  • 27 มี.ค. 2566 วอลุ่มเทรด 36,058.65 ล้านบาท
  • 10 เม.ย. 2566 วอลุ่มเทรด 36,412.08 ล้านบาท
  • 26 พ.ค. 2566 วอลุ่มเทรด 38,787.30 ล้านบาท
  • 18 เม.ย. 2566 วอลุ่มเทรด 39,892.56 ล้านบาท
  • 2 พ.ค. 2566 วอลุ่มเทรด 39,984.27 ล้านบาท

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วอลุ่มเทรดในตลาดหุ้นไทยแผ่วลงอยู่แล้ว เพราะโดนกดดันหลัก ๆ จากความกังวลการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐในวันที่ 1 มิ.ย. 2566 หลังการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งในอดีตท่าทีการเจรจาสามารถสู้กันไปได้จนถึงนาทีสุดท้าย ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ กอดเงินสดไว้ก่อน

โดยปิดตลาดหุ้นวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา การซื้อขายส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดเล็กหรือวอร์แรนท์ เพราะนักลงทุนรายใหญ่ไม่กล้าเข้าจากประเด็น debt ceiling และความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เคลียร์ ซึ่งมีเวลาอีกเป็นเดือนกว่าจะเลือกประธานรัฐสภาและนายกรัฐมนตรีได้

“วอลุ่มตลาดแผ่วมาก คนระวังในการซื้อขาย หลังๆ วอลุ่มเทรดต่อวัน 5 หมื่นล้านบาท ก็ถือว่าเก่งแล้ว ช่วงนี้ต่อให้หุ้นบางตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่พอไม่มีแรงส่ง บางคนก็เลือกที่จะขายทำกำไร กลายเป็นนักลงทุนเลือกเก็บเงินสดไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะถือหุ้นไว้ทำไม ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดแรงจูงใจในการเข้าไปซื้อขาย”

การฟื้นตัวของวอลุ่มเทรดอย่างน้อย ๆ ต้องรอสัปดาห์หน้า โดยรอความชัดเจนของประเด็น debt ceiling ออกมาก่อนว่าจะต่อรองกันได้อย่างไรบ้าง แต่ถ้าสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ตลาดหุ้นจะเสียขวัญทันที/เสียความเชื่อมั่นอย่างมาก