
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ฟันด์โฟลว์ไหลออกแสนล้าน ไม่กระทบ IPO คาดปีนี้ยอดระดมทุนพุ่งแซงหน้าปีก่อน เตือนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนก
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) มีความผันผวน ไหลเข้าออกอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นอยู่ตลอด จากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจนหลายเรื่อง
- อว.ปลื้ม 19 มหา’ลัยไทยติดอันดับโลก 2024 ตั้งเป้าปีต่อไปขึ้น TOP 400
- ประกาศแล้ว! การออกสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก มีผลงวด 1 ต.ค.นี้
- รู้จักหวย L6 หวย N3 สลากรูปแบบใหม่ คืออะไร ซื้อได้ผ่านช่องทางไหน ?
อย่างไรก็ดี ภาพของฟันด์โฟลว์ที่ไหลออกคงต้องดูเป็นส่วน ๆ ซึ่งหากเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก อาจจะดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ได้โตอย่างที่คิด ฉะนั้นอาจจะต้องดูเรื่องของโมเมนตัมเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเรื่องของโมเมนตัมในประเทศที่มีภาพชัดเจน ที่พอจะทำให้เงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาได้มากเหมือนในช่วงปลายปี 2565
สำหรับในช่วงที่เหลือของปี ภาพของเศรษฐกิจไทยรวมถึงธุรกิจในหลายเซ็กเตอร์อยู่ในระดับกำลังฟื้นตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ฟันด์โฟลว์มีโอกาสปรับทิศทางได้ เพราะฉะนั้นคาดว่าฟันด์โฟลว์ในช่วงที่เหลือน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ยังมีความไม่ชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง
“หากมองย้อนกลับไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ฟันด์โฟลว์มีการไหลเข้าออกอย่างรุนแรง โดยในช่วงปี 2563-2564 ฟันด์โฟลว์ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 3 แสนล้านบาท ขณะที่ในปี 2565 ฟันด์โฟลว์ไหลกลับเข้ามาประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาท แต่ในปี 2566 ที่ไหลออกไปกว่า 1 แสนล้านบาท ถ้าเทียบกับในช่วง 2 ปีก่อน ถือว่าไซซ์ก็ยังไม่ได้ใหญ่มากนัก”

กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ฟันด์โฟลว์ที่ไหลออกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเข้ามาเสนอขายหุ้นแก่คนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทต่าง ๆ โดยหากมองกลับไปในปี 2563-2564 ที่ฟันด์โฟลว์ไหลออกมาก
แต่เป็นปีที่เห็นการเข้ามา IPO ค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นว่าปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความต้องการระดมทุน เรื่องของราคา (valuation) มีผลกระทบมากกว่าเรื่องของฟันด์โฟลว์ รวมถึงเรื่องของโอกาสทางธุรกิจ
“ไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนกไปกับการไหลออกของฟันด์โฟลว์ เพราะปัจจุบันยังคงเห็นว่าภาพของการไอพีโอ ยังมีการเข้ามาระดมทุนอยู่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี และคาดว่าปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วย”
สำหรับตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา SET Index ปิดที่ 1,533.54 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และปรับลดลง 8.1% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไป แต่ความกังวลเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย รวมถึงทั่วโลก อย่างเรื่องเพดานหนี้สหรัฐได้คลี่คลายและจบภายในเดือน พ.ค.เรียบร้อย
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 54,189 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 31.6% โดยผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 33,407 ล้านบาท ขายสุทธิเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่ต้นปีขายสุทธิแล้ว 101,326 ล้านบาท (ณ 2 มิ.ย. 2566)