เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่แน่นอน

ค่าเงินบาท อตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์

ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน จากปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังไม่แน่นอน นักลงทุนจับตาดูการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยในวันที่ 13 ก.ค.นี้ หวั่นอ่อนค่าลงจากความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน

วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 12 กรกฎาคม 2566 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/7) ที่ระดับ 34.69/70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (11/7) ที่ระดับ 34.80/81 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินร่วงลงแตะจดต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ระดับ 101.35 เนื่องจากตลาดมีมุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะใกล้สิ้นสุดวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 3.998% เมื่อคืนนี้

อย่างไรก็ดีนักลงทุนรอดูดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (CPI) ที่จะเปิดเผยในคืนนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI เดือน มิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 4.0% ในเดือน พ.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 5.3% ในเดือน พ.ค.

โดยนักลงทุนคาดว่า หากดัชนี CPI ชะลอตัวลงก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนซึ่งรวมถึงนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ต่างก็ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดใกล้จจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อต้นสัปดาห์

สำหรับปัจจัยในประเทศ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองไทย เรื่องการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยในวันพรุ่งนี้ (13/7) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอน ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำกัดการแข็งค่าของเงินบาทอยู่ในขณะนี้ ซึ่งหากยังมีอุปสรรคและความไม่แน่นอนทางการเมืองอยู่ อาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าจากความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน

ADVERTISMENT

โดยในระหว่างวันค่าเงินบาทผันผวนในทิศทางอ่อนค่า จากข่าวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวีจำนวน 42,000 หุ้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันนี้ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ลงรับคำร้องในทางธุรการแล้ว และจะได้นำคำร้องดังกล่าวเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 49 ต่อไป

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 34.66-35.01 บาท/ดอลลาสหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 34.90/92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/7) ที่ระดับ 1.1022/26 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (11/7) ที่ระดับ 1.1009/11 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ได้แรงหนุนจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีที่เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนียังคงทรงตัวอยู่เหนือระดับเป้าหมาย

โดยดัชนี CPI เดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบรายปี ทรงตัวจากระดับ 6.4% ในเดือน พ.ค. และดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 6.8% ในเดือน มิ.ย. เมื่้อเทียบรายปี ทรงตัวจากระดับ 6.8% ในเดือน พ.ค.หนุนให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1002-1.1039 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1018/21 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (12/7) ที่ระดับ 139.48/49 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (11/7) ที่ระดับ 140.48/50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนแข็งค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค รวมถึงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อาจจะปรับรายละเอียดในนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) ในการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค.

นอกจากนั้นบีโอเจเริ่มส่งสัญญาณในช่วงนี้ว่า ภาวะเงินเฟ้อเริ่มได้รับแรงกระตุ้นมากยิ่้งขึ้นจากอุปสงค์ของผู้บริโภค ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 139.30-140.42 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 139.61/64 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิถุนายนของสหรัฐ (12/7), สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (12/7), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (12/7), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (13/7), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย. (13/7) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน ก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (14/7)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -10.85/-10.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -11.90/-10.10 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ