กอบศักดิ์ ชี้พลิกเกมสู้ ดึงนักท่องเที่ยว ดันจีดีพี ช่วงรัฐบาลไม่เข้มแข็ง

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล

“กอบศักดิ์” ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย-รองผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงเทพ ชี้รัฐบาลต้องพลิกเกมสู้ “ลดแลกแจกแถม” ดึงนักท่องเที่ยว ผลักดันจีดีพีไตรมาส 4/66 ชดเชยภาคส่งออก-งบประมาณปี’67 ล่าช้า ช่วงรัฐบาลไม่เข้มแข็ง ชี้ภาพตลาดทุนเริ่มทรงตัวดีขึ้น แต่ยังต้องจับตารัฐบาลใหม่ว่ามีเสถียรภาพหรือไม่ ใครกำหนดมาตรการตลาดทุน

วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) ในฐานะประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า จากความกังวลต่อสุญญากาศทางการเมือง ภายใต้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่อาจล่าช้ากว่าเดิม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยตามมานั้น มองว่าคงต้องรอติดตามสถานการณ์การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบสองในวันที่ 19 ก.ค.2566 ก่อน

แต่คาดว่าสถานการณ์จะเหมือนกับเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว ที่แม้ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้เสร็จในช่วงเดือน ส.ค. แต่จัดทำงบประมาณไม่เสร็จ เพราะฉะนั้นงบประมาณปี 2567 จะดีเลท์ออกไปอย่างน้อย 3 เดือน หรือจะเริ่มใช้งบฯกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในไตรมาส 1/2567 ซึ่งได้พูดคุยกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ บอกว่าได้ทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะไม่เสร็จ จึงได้เตรียมการมีงบฯที่จ่ายไปพลางก่อน ตามงบฯช่วงไตรมาส 4/2565

“สาเหตุที่เราไม่ค่อยเป็นกังวลใจนัก เพราะได้ทำใจกันไว้แล้ว แต่ขอสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อไปเป็นปีก็พอ โดยช่วงปลายเดือนนี้คงมีความชัดเจนขึ้นว่ากระบวนการเลือกนายกฯจะจบลง ใช้เวลานานแค่ไหน อย่างไรก็ดีขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยยังดี โดยจะมีภาคท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4/2566 จากแรงหนุนของนักท่องเที่ยวจีนที่จะทะลักเข้ามา ซึ่งจะช่วยชดเชยภาคส่งออกที่หดตัวได้ นั่นหมายความว่าตัวของภาคท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในช่วงที่รัฐบาลไม่เข้มแข็ง” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้เล็งเห็นว่าช่วงนี้รัฐบาลควรบริหารจัดการให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิให้ง่ายที่สุด เช่น เปิดฟรีวีซ่า 1 ปี หรือแม้กระทั่งประกาศว่าหากใครถือวีซ่า อเมริกา, ญี่ปุ่น, ยุโรป หรือ 5 ประเทศในกลุ่มอาเซียน สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ คือตอนนี้เราต้องพลิกเกมสู้ ด้วยการ “ลด แลก แจก แถม” ซึ่งรัฐบาลรักษาการก็ทำได้

และคาดหวังทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไม่มาก ทิศทางค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอีก เพื่อทำให้สถานการณ์โดยรวมได้รับแรงกระตุ้น และเพื่อผ่านช่วงที่รัฐบาลใหม่ยังไม่ได้เข้ามาทำงานได้อย่างเต็มที่ ฉะนั้นเมื่อไตรมาส 4/2566 กระตุ้นผ่านภาคท่องเที่ยว และมีงบประมาณใหม่เข้ามาในไตรมาส 1/2567 ก็จะมีเงินบางส่วนใช้ทำเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องได้อีกพอสมควร จะเหมือนเป็นไม้หนึ่งและไม้สองที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยผ่านปัญหาไปได้

“ปีนี้เป้าหมายจะไม่ใช่ว่า GDP ต้องโตเยอะ ได้ 3% ก็กดดันแล้ว มองว่าปีนี้ “หัวใจคือผ่านไปให้ได้” เหมือนธุรกิจไม่ต้องกำไรเยอะ ขอแค่ประคองตัวให้ผ่านไปให้ได้ก็พอ เพราะปีนี้เศรษฐกิจไทยจะถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลก เซ็กเตอร์ภาคส่งออกโดนอยู่ จึงหวังแรงส่งจากเซ็กเตอร์อื่นช่วยให้เราผ่านไปได้”

ส่วนทิศทางตลาดทุนไทยนั้น ตอนนี้รอให้การจัดรัฐบาลมีความชัดเจนมากกว่านี้ เพราะโจทย์ของตลาดทุนอยู่ที่ว่ารัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพหรือไม่ ขณะเดียวกันการดำเนินการของพรรคร่วมจะมีเอกภาพ หรือมีการแบ่งงานกันอย่างเหมาะสมหรือไม่ด้วย

โดยเฉพาะในกระทรวงสำคัญต่าง ๆ และท่านไหนจะเป็นผู้ขับเคลื่อนหรือกำหนดมาตรการตลาดทุน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉะนั้นการปรับตัวของตลาดทุนไทยยังต้องติดตามไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่ขณะนี้ถือว่าบรรยากาศของตลาดทุนเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้นตามลำดับ จากเมื่อช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้าที่มีค่อนข้างผันผวน