กองทุนหุ้นจีนพลิกติดลบ ผิดหวังเปิดประเทศ-ไร้มาตรการกระตุ้น

กองทุนหุ้นจีน

จากภาพเศรษฐกิจจีนช่วงไตรมาส 2 ที่อ่อนแอลงอย่างชัดเจน จากที่ช่วงต้นปีดูทำท่าจะฟื้นตัวได้ดี จากที่มีการเปิดประเทศ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายคาดหวังก็ยังไม่มาสักที ตลาดหุ้นจีนกลับมาถูกตั้งคำถามอีกครั้งว่าหลังจากจะไปทางไหน ซึ่งภาวะเช่นนี้สะท้อนผ่านภาคผลตอบแทนกองทุนเฉลี่ยที่ปรับลดลง

ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ชี้ว่า ผลตอบแทนกองทุนหุ้นจีนนับตั้งแต่ต้นปีถึง ณ วันที่ 14 ก.ค. 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ -5.47% พลิกกลับมาติดลบ จากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นปี โดย 5 อันดับกองทุนหุ้นจีนที่มีผลตอบแทนติดลบสูงสุด

ได้แก่ กองทุน UCI-SSF และ UCI จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี ผลตอบแทนอยู่ที่ -24.25% และ -22.30% ตามลำดับ ต่อมาเป็นกองทุน ABCG และ ABCG-SSF จาก บลจ.อเบอร์ดีน ผลตอบแทนอยู่ที่ -14.02% และกองทุน KT-Ashares-SSF จาก บลจ.กรุงไทย ผลตอบแทนอยู่ที่ -13.29% (ดูตาราง)

โดย “ดร.สมชัย อมรธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน และลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า หากย้อนกลับไปตั้งแต่จีนเริ่มเปิดประเทศช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1 ฟื้นตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างดี

แต่พอมาในช่วงไตรมาส 2 ปรากฏว่าตัวเลขเศรษฐกิจกลับมีการปรับลดลง แม้ว่าในฝั่งของความต้องการในใช้จ่ายของประชาชนจะยังถือว่าสูงและการท่องเที่ยวภายในประเทศก็ค่อนข้างคึกคัก ซึ่งถ้ามองในมุมนี้จะเห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศจีน ก็ดูเหมือนน่าจะโตได้ค่อนข้างดี

ตาราง กองทุนหุ้นจีนติดลบ

“เนื่องจากการที่ล็อกดาวน์มาเป็นระยะเวลานานและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ก็เริ่มที่จะเห็นผลกระทบเพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจจีน ทำให้คนมองกลับไปที่ตัวมาตรการต่าง ๆ ว่ารัฐบาลจีนควรมีการออกมาตรการมากระตุ้นเพิ่มเติม เพราะจีนก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจก็เริ่มเห็นการชะลอตัวลง จึงน่าจะเป็นจุดที่ต้องมีมาตรการออกมากระตุ้นได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของนโยบายการเงินหรือการคลัง”

“ดร.สมชัย” กล่าวว่า ในเร็ว ๆ นี้คาดว่าจีนน่าจะเริ่มประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาได้ แต่น่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเฉพาะจุดมากกว่าที่จะเป็นมาตรการขนาดใหญ่

ขณะที่ “วรรณจันทร์ อึ้งถาวร” รองกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ.ยูโอบี กล่าวว่า ช่วงแรกหลายคนคาดหวังว่า พอเปิดประเทศแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังดูอ่อนแอ ส่วนภาคการผลิตก็ไม่ได้กลับมาฟื้นได้เต็มที่ อาจจะเนื่องด้วยปัญหาเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้ที่มีการชะลอตัวลง

“จะเห็นได้ว่าช่วงแรก ๆ ตอนต้นปีผลตอบแทนกองทุนหุ้นจีนฟื้นตัวบวกได้ค่อนข้างดี แต่เมื่อสถานการณ์ผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ผลตอบแทนก็ปรับลดลงมา และไม่ค่อยน่าสนใจเท่าเดิม ดังนั้น ระยะสั้นมองว่าจีนยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่หากเป็นนักลงทุนระยะยาว ก็อาจจะมองจังหวะที่หุ้นปรับตัวลงเยอะ ทยอยเข้าซื้อสะสมได้ แต่ถ้าเป็นนักลงทุนระยะสั้นยังไม่แนะนำ

เพราะปัจจัยที่จะหนุนให้ตลาดหุ้นจีนบวกแรง ๆ ตอนนี้ยังไม่เห็น แต่เมื่อไหร่ที่เริ่มเห็นว่าดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หยุดขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอตัว จุดนั้นก็มีโอกาสที่เงินจะไหลกลับเข้ามาลงทุนทางเอเชียมากขึ้น และอาจจะเริ่มหันมาให้ความสนใจตลาดหุ้นจีนเพิ่มมากขึ้นได้” รองกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ.ยูโอบีกล่าว

คงต้องติดตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากนี้ ว่าจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายของเหล่าประเทศมหาอำนาจอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ทิศทางการลงทุน ไม่ว่าจะการลงทุนในจีน หรือตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกก็ตาม