หุ้นไทยอ่อนตัว 1,540-1,545 จุด ราคาน้ำมันทรุด-ฟิทช์หั่นเครดิตสหรัฐ กดดันฟันด์โฟลว์

ตลาดหุ้น

บล.กรุงศรีพัฒนสินฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้อ่อนตัว 1,540-1,545 จุด ตามแรงกดดันฟิทช์หั่นเครดิตสหรัฐ ลงสู่ AA+ กังวลภาระหนี้ ส่งผลกดดันฟันด์โฟลว์ไหลออกสินทรัพย์เสี่ยง พ่วงราคาน้ำมันทรุดตัว

วันที่ 3 สิงหาคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสินฯ รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยว่า ตลาดหุ้นวานนี้ดัชนี SET Index ลดลง 6 จุด (-0.37%) ปิดที่ 1,550 จุด ปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศหลังฟิทส์เรตติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐจาก ระดับ AAA เป็น AA+

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,540-1,545 จุด ตามแรงกดดันฟิทช์เรทติ้งส์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐลงสู่ AA+ เนื่องจากสถานะการคลังมีแนวโน้มถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า และภาระหนี้สินสูงขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund flow) ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

               

นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงจะเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางการลงทุนในช่วงนี้ จึงแนะนำ Selective buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

โดยประเด็นสำคัญคือ 1.ดาวโจนส์ร่วงแรงกังวลผลกระทบหลังฟิทช์ลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วง 348 จุด (-0.98%) ปิดที่ระดับ 35,283 จุด หลังฟิทช์เรตติ้งส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ลงสู่ระดับ AA+ จากเดิมอยู่ระดับ AAA เป็นผลจากสถานะการคลังของสหรัฐที่ถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า และมีภาระหนี้สินที่สูงขึ้น

2.แบงก์ชาติไมยปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25% ตามคาด โดยล่าสุด กนง.มีมติเป็นเอกฉันฑ์ให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2% เป็น 2.25% นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 และเป็นระดับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 9 ปี การปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่คือ BBL, KBANK, SCB และ KTB แต่เป็นลบกับกลุ่ม Non Bank อาทิ MTC, SAWAD

3.พรรคเพื่อไทยเสนอยุบ MOU พร้อมประกาศกลุ่มพรรคร่วมฯ ใหม่วันนี้ โดยการยกเลิก MOU ช่วยลดข้อจำกัดทำให้โอกาสในการเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลทำได้ง่ายขึ้น เป็นบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจ และการลงทุนของไทย ลำดับถัดไปพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ และจะประกาศรายชื่อกลุ่มพรรคร่วมฯ ใหม่ในวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy หุ้นรับอานิสงส์บอนด์ยีลด์สหรัฐดีดตัวขึ้น และหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 เติบโต โดยแนะนำหุ้นเด่นวันนี้คือ ADVANC (ปิด 226 บาท ซื้อ/เป้า 250 บาท) การแข่งขันในธุรกิจลดลง ช่วยหนุนให้ ARPU และกำไรสุทธิของ ADVANC เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2 นอกจากนี้ ADVANC ยังมีเงินปันผลจ่ายครึ่งปีให้ Dividend yield ประมาณ 1.6-2%

และ BCH (ปิด 17.80 บาท ซื้อ/เป้า 20 บาท) ราคาหุ้นปรับลงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 2 ไปแล้ว การลดลงของราคาจึงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ คาดผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 3 ตาม high season ของธุรกิจ