
เปิดเส้นทางธุรกิจ “เอสซี แอทเสท” พอร์ตธุรกิจอสังหาฯ ตระกูลชินวัตร มูลค่าสินทรัพย์กว่า 5.8 หมื่นล้านบาท ขยายอาณาจักรลงทุน 19 บริษัทเครือข่ายครบวงจร พร้อมตั้งบริษัทชิมลางธุรกิจอสังหาฯ ในสหรัฐ
วันที่ 3 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่มีสินทรัพย์กว่า 5.8 หมื่นล้านบาท นับว่าเป็นพอร์ตธุรกิจหลักของตระกูลชินวัตร ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นใหญ่ 28.52%, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ 27.60%, นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 4.72% และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้น 2.75%
ต้องถือว่าปัจจุบัน “เอสซี แอทเสท” เป็นธุรกิจหลักของครอบครัวชินวัตร จากในอดีตที่ธุรกิจหลักของครอบครัวชินวัตร คือบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งและบุกเบิก ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป
กระทั่งในปี 2549 ตระกูลชินวัตรได้ตัดสินใจขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดให้กับกลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้ง ของสิงคโปร์ ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนกลายเป็นดีลประวัติศาสตร์ที่สะเทือนรัฐบาลไทยรักไทย
ขณะที่บริษัทก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และในปี 2564 ก็มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่อีกครั้ง โดย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของไทยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ”อินทัช” แทน
สำหรับ “เอสซี แอสเสท” เป็นที่รู้จักกันดีว่า ดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ประเภทหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม แต่จากที่บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลประวัติและพัฒนาการของบริษัท ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ทำให้เห็นเส้นทางการเติบโต และเครือข่ายธุรกิจของบริษัทชัดเจนมากขึ้นดังนี้
เส้นทาง “เอสซี แอสเสท”
ทั้งนี้ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 เดิมชื่อบริษัท เอฟ เอฟ พี จำกัด ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเป็นครอบครัวพันตำรวจโททักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร
และปี 2546 ได้เปลี่ยนเป็น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หลังแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร
โดยบริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าในปี 2538 จากการลงทุนสร้างอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 เป็น Smart Building ที่มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ได้เปิดดำเนินการในกลางปี 2543
ต่อมาในปี 2545 บริษัทได้ปรับเปลี่ยนบทบาทและทิศทางการดำเนินธุรกิจ โดยขยายธุรกิจเข้าสู่การเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งโครงการแนวราบและโครงการแนวสูง
ปี 2546 บริษัทเข้าลงทุนในกองทุนรวมแอสเสทเน็ตเวิร์ค (ANET) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง โดยมีสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนร้อยละ 30 คิดเป็นมูลค่า 360 ล้านบาท ซึ่ง ANET ได้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คืออาคารชินวัตรทาวเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า
และในปีเดียวกันบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท เพื่อให้บริษัทมีการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร โดยบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 710 ล้านบาท เป็น 2,564 ล้านบาท เพื่อเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัท โอเอไอ แอสเสท จำกัด บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด และบริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากครอบครัวชินวัตร และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3,500 ล้านบาท
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2546 บริษัท เอสซี แอทเสท ได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 64.6 ล้านหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป และบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4,000 ล้านบาท 4,200 ล้านบาท และ 4,379.33 ล้านบาท ในวันที่ 25 เมษายน 2556 วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 และวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 ตามลำดับ
ขยายธุรกิจอสังหาฯ ในสหรัฐ
บริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยจัดตั้งบริษัท SC ALPHA Inc. ในประเทศสหรัฐอเมริกา และร่วมทุนกับ NISHI-NIPPON RAILROAD CO., LTD บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ในการจัดตั้งบริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ 1 จำกัด
ในปี 2562 บริษัท มีแผนเข้าลงทุนและพัฒนาโรงแรม ผ่านการจัดตั้งบริษัท เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจประกอบกิจการโรงแรม โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 และในปี 2563 บริษัทได้จัดตั้งบริษัท เอสซี แอสเสท ทรี จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
และ SC ALPHA Inc. ได้จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ North End Residence, LLC. ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทประเภทบริษัท “Limited Liability Company” โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์
เครือข่าย 5 ธุรกิจอสังหาฯ
สำหรับบริษัทและบริษัทย่อยในเครือเอสซีที แอทเสท ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 5 ประเภท ประกอบด้วย
1) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ดำเนินงานโดยบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท อัพคันทรี่แลนด์ จำกัด, บริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท สโคป จำกัด, บริษัท สโคปทาวเวอร์ จำกัด, บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ 1 จำกัด, บริษัท เอซี แอสเสท ทรี จำกัด, บริษัท เอสซี แอสเสท โฟร์ จำกัด, และบริษัท เอสซี แอสเสท ไฟว์ จำกัด
2) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและบริการ ดำเนินงานโดยบริษัท แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด, บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด, บริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท สโคป จำกัด SC ALPHA Inc., North End Residence, LLC. Salem Reidence, LLC. SC Temple Place, LLC. และบริษัท เอสซีเอ็กซ์ วัน จำกัด
3) ธุรกิจโรงแรม ดำเนินงานโดยบริษัท เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น จำกัด และบริษัท เอสซีเอ็กซ์ เอชวัน จำกัด
4) ธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาและการจัดการ ดำเนินงานโดยบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด และบริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
5) ธุรกิจเป็นตัวแทน/นายหน้า เพื่อขายและ/หรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัท บริดจ์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
19 บริษัทย่อยในเครือข่าย
ทั้งนี้ บริษัทย่อยที่บริษัทเอสซี แอทเสท ถือหุ้นโดยตรง และบริษัทย่อยที่ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย มีรายละเอียดดังนี้
1) บริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 14 มีนาคม 2534 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงาน และบริการหลังการขายเกี่ยวกับการซ่อมบำรุง งานซ่อมแซมอาคารบ้านพักอาศัยทุกประเภท โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
2) บริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2533 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่าที่ดินและอาคารเทคนิคพิเศษที่ออกแบบและสร้างขึ้น เพื่อรับรองอุปกรณ์โทรคมนาคม หรืออุปกรณ์ทางด้านวิศวกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะเพื่อการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
3) บริษัท วี.แลนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 21 มกราคม 2535 ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ปรึกษาและการจัดการด้านการบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ ด้านเทคนิควิศวกรรม และระบบงานสนับสนุนบริษัทย่อยและบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งในระยะสั้น หรืองานเฉพาะกิจแบบระยะยาว โดยบริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99
4) บริษัท สโคป จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2560 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รับจ้างบริหารการตลาดและการขาย รับจ้างบริษัทโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 89.99
5) SC ALPHA Inc. ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 5 เมษายน 2561 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ดำเนินธุรกิจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100
6) บริษัท บริดจ์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจประกอบกิจการของตัวแทนและนายหน้าในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
7) บริษัท เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2562 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
8) บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ 1 จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 16 พฤษภาคม 2561 ทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทร่วมทุนกับ NISHI-NIPPON RALROAD CO., LTD สัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับร้อยละ 54.99 ต่อร้อยละ 45 (กิจการร่วมค้า)
9) บริษัท เอสซี แอสเสท ทรี จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 31 มกราคม 2563 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายโดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
10) บริษัท สโคป ทาวเวอร์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 25 พฤษภาคม 2561 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีบริษัท สโคป จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 79.99
11) North End Resiodence.LLC. ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 7 เมษายน 2563 ธุรกิจให้บริการอพาร์ตเมนต์ให้เช่า เพื่อการอยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมี SC Alpha Inc. เป็นเจ้าของกิจการแต่เพียงผู้เดียว ในสัดส่วนร้อยละ 100
12) Salem Residence, LLC. ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2566 ธุรกิจให้บริการอพาร์ตเมนต์ให้เช่าเพื่อการอยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมี SC Aiph Inc. เป็นเจ้าของกิจการแต่เพียงผู้เดียว ในสัดส่วนร้อยละ 100
13) บริษัท เอสซีเอ็กซ์ วัน จำกัด (SCX 1) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2565 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจพัฒนารคลังสินค้า โดย SCX ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
14) บริษัท เอสซี แอสเสทโฟร์ จำกัด (SC Four) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 19 สิงหาคม 2565 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
15) บริษัท เอสซี แอสเสท ไฟร์ จำกัด (SC Five) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 30 กันยายน 2565 ทุนจดทะเบียน 502 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
16) SC Temple Place, LLC ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2565 ธุรกิจให้บริการอพาร์ตเมนต์เพื่อให้เช่าเพื่อการอยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมี SC Aipha Inc. เป็นเจ้าของกิจการแต่เพียงผู้เดียว ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 100
17) บริษัท เอสซีเอ็กซ์ เอชวัน จำกัด (SCX H1) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 7 มีนาคม 2562 เดิมชื่อบริษัท เอฟเจ บีเคเค จำกัด จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่้อเป็น บริษัท เอสซีเอ๊กซ์ จำกัด เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีทุนจดทะเบียน 1,420 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจโรงแรม โดย SCX ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
18) บริษัท ฟิกซิ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2557 ให้บริการจัดช่างซ่อมบำรุงอาคารและบ้านพักอาศัยผ่านระบบออนไลน์ โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 10 ผ่านบริษัท เอสซี เอเบิล จำกัด
19) บริษัท ไฟว์ วัน วัน จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2552 ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านพัฒนาเทคโนโลยีและพัฒนาระบบงานแพลตฟอร์ม ถือหุ้นร้อยละ 20 ผ่านบริษัท อัพคันทรี่ แลนด์ จำกัด
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท เอส ซี ออฟฟิช ปาร์ค จำกัด, บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท เอสซี ออฟฟิช พลาซ่า จำกัด, บริษัท เอสซี เค เอสเตท จำกัด และบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้รวมอยู่ในกลุ่มบริษัท