เปิด 3 ข้อกังวลครัวเรือนไทย ช่วงครึ่งปีหลัง “ค่าครองชีพสูง” อันดับแรก

เมืองกรุง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสำรวจครัวเรือนไทย ชี้ความกังวลด้านเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนใหญ่กังวลปัญหาค่าครองชีพสูงมากสุด รองลงมาเรื่องรายได้-การจ้างงาน และ อันดับสาม ภาวะหนี้สิน

วันที่ 5 สิงหาคม 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้สำรวจประเด็นความกังวลเกี่ยวกับภาวะการครองชีพของครัวเรือน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยพบว่า ประเด็นที่ครัวเรือนมีความกังวลมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ 1) ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง เช่น ค่าไฟฟ้า เป็นต้น 74.9% 2) รายได้และการจ้างงาน 50.7% และ 3) ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เช่น ก่อหนี้เพิ่ม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูง เป็นต้น 38.1%

นอกจากนี้ ครัวเรือนมีความกังวลในประเด็นอื่น ๆ รองลงมาตามลำดับ ได้แก่ สุขภาพของตนเองและครอบครัว (37.8%) และความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาลอาจมีผลต่อการดำเนินนโยบายต่าง ๆ (34.5%) การนำเงินออมออกมาใช้มากขึ้น (20.0%) และผลกระทบจากสภาพอาหารที่แปรปรวน เช่น ผลผลิตทางการเกษตรลดลง เป็นต้น

ผลสำรวจครัวเรือน

ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค.2566 ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36.0 จาก 35.0 ในเดือน มิ.ย.2566 ขณะที่ดัชนีฯ 3 เดือนข้างหน้ายังคงทรงตัวที่ 38.8 จาก 38.6 ในเดือน มิ.ย.2566 โดยการเพิ่มขึ้นของดัชนีในเดือนก.ค. เป็นผลจากการปรับเพิ่มขึ้น (กังวลลดลง) ในทุกองค์ประกอบของดัชนีฯ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

Advertisment

ซึ่งมีแรงหนุนจากการกลับมาฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ โดย ณ สิ้นเดือน ก.ค.2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศราว 15.3 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อเนื่องไปยังรายได้และการจ้างงานของครัวเรือนให้ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องกับภาคท่องเที่ยว
สะท้อนผ่านผลสำรวจภาวะการทำงานของประชากรในไตรมาส 2/2566 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ผู้มีงานทำในภาคบริการและการค้ามีเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.8%YoY โดยขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่ผู้มีงานทำในภาคอื่น ๆ อาจฟื้นตัวไม่ดีเท่าหรือหดตัว อาทิ ภาคเกษตรกรรม สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีลักษณะไม่ทั่วถึง

ทั้งนี้ จากผลสำรวจเพิ่มเติมของศูนย์วิจัยกสิกรไทยเกี่ยวกับสถานการณ์จ้างงานในองค์กรของครัวเรือนในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ครัวเรือนส่วนใหญ่ระบุว่า ไม่มีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงใด ๆ ในองค์กร ขณะที่การชะลอการรับพนักงานใหม่ การลดเวลาการทำงานล่วงหน้า (OT) และการเลิกจ้างมีสัดส่วนลดลง แสดงถึงทิศทางการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานไทยจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ในเดือนก.ค.2566 ครัวเรือนไทยมีระดับความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย (ไม่รวมหนี้สิน) ลดลง แม้ว่าราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงผันผวนและปรับสูงขึ้นในเดือนก.ค.2566 แต่ราคาพลังงานเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ในประเทศยังถูกตรึงไว้ที่ระดับเดิม อาทิ ราคาก๊าซหุงต้มยังอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร และค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.-ส.ค.2566 อยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย และงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.2566 มีแนวโน้มจะปรับลดลงที่ระดับ 4.45 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ครัวเรือนมีความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินลดลงโดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ระบุว่า ยอดผ่อนบัตรเครดิตจากการซื้อสินค้าคงทนหมดลง อีกทั้ง มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมาก็อาจช่วยคลายความกังวลของครัวเรือนที่มีต่อภาระหนี้สินได้ในระยะข้างหน้า

Advertisment