เปิดอาณาจักร JKN-แอน จักรพงษ์ สตรีข้ามเพศรวยเป็นอันดับ 3 ของโลก ในวัน “เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป” ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้
วันที่ 1 กันยายน 2566 หากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หรือประมาณปี 2563 ชื่อของ “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” กลายเป็นสตรีข้ามเพศที่รวยที่สุดระดับเอเชีย โดย “นิตยสารฟอร์บส์” ของสหรัฐอเมริกา ที่จัดอันดับความมั่งคั่งของกลุ่มสตรีข้ามเพศ
โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน ประมาณ 210 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 6.3 พันล้านบาท ภายใต้อาณาจักรเจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ที่ประกอบธุรกิจนำเข้าและส่งออกลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากทั่วโลก ทั้งซีรีส์, ละคร, รายการทีวีชื่อดังจำนวนมาก รวมถึงเป็นเจ้าของช่องทีวีดิจิทัล ช่องทีวี JKN18, JKN CNBC และเมื่อปีที่แล้วยังได้ขยายธุรกิจการบริหารจัดการลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล โดยเข้าซื้อกิจการ Miss Universe Organization อีกมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท
ผลประกอบการของ JKN ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 จนถึงไตรมาส 2/2566 ก็พบว่ามีกำไรทุกปี
– ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท
– ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 312 ล้านบาท
– ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 179 ล้านบาท
– ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 608 ล้านบาท
– ไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท
ปัจจุบัน JKN และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจอยู่ทั้งหมด 5 ประเภท คือ 1.ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศ 2.ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังต่างประเทศ 3.ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้า 4.ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และ 5.ธุรกิจการบริหารจัดการลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล มีรายได้ต่อปีประมาณ 1-2 พันล้านบาท
– ปี 2562 มีรายได้รวม 1,170 ล้านบาท
– ปี 2563 มีรายได้รวม 1,682 ล้านบาท
– ปี 2564 มีรายได้รวม 1,805 ล้านบาท
– ปี 2565 มีรายได้รวม 2,670 ล้านบาท
– ไตรมาส 2 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,500 ล้านบาท
โดย JKN มีมูลค่ากิจการ หรือมาร์เก็ตแคปของหุ้น JKN ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไทย อยู่ในระดับ 2-5 พันล้านบาท โดยตั้งแต่ปี 2562 จนถึงไตรมาส 2/2566 พบว่า
– ปี 2562 มีมาร์เก็ตแคป 2,889 ล้านบาท
– ปี 2563 มีมาร์เก็ตแคป 4,677 ล้านบาท
– ปี 2564 มีมาร์เก็ตแคป 4,920 ล้านบาท
– ปี 2565 มีมาร์เก็ตแคป 2,960 ล้านบาท
– ไตรมาส 2 ปี 2566 มีมาร์เก็ตแคป 1,753 ล้านบาท
และข้อมูลจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2566 พบว่ามีสินทรัพย์รวมกว่า 12,161 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1,433 ล้านบาท หรือ +13.36% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) แยกหลัก ๆ ออกเป็น
– เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 112.50 ล้านบาท ลดลง 67.63%
– ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น 2,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.40%
– ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ 451 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.12%
– ลิขสิทธิ์รายการ 6,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.60%
– เครื่องหมายการค้า 1,334 ล้านบาท ลดลง 0.10%
ทั้งนี้ หากสังเกตเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่เหลือ 112.50 ล้านบาท ปรับตัวลดลงกว่า 235 ล้านบาท หรือลดลง 67.63% YOY นั้น ตามข้อมูลที่ JKN รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯคือ กระแสเงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน จำนวน -1,589.18 ล้านบาท เพื่อซื้อลิขสิทธิ์รายการ และหากย้อนกลับไปดูในช่วงปี 2562-2565 จะพบว่าใช้เงินสดในกิจกรรมลงทุนค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้ในแต่ละปี
– ปี 2562 กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน -974 ล้านบาท
– ปี 2563 กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน -2,020 ล้านบาท
– ปี 2564 กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน -2,259 ล้านบาท
– ปี 2565 กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน -2,847 ล้านบาท
ปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้การบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินของ JKN ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ จนเป็นเหตุให้ JKN ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่น JKN239A ที่ครบกำหนด 1 ก.ย.2566 จำนวนเงินต้นและดอกเบี้ย 609.98 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ไม่รอช้าที่จะออกชี้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มว่า บริษัทจะได้พิจารณาสรรหาแหล่งเงินทุนหลากหลายวิธีการแล้ว การเจรจากับผู้ร่วมทุนของบริษัทไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหวัง โดยการเจรจาได้มีข้อสรุปเป็นไปในทางลบ ในช่วงระยะเวลาที่ใกล้ถึงวันครบกําหนดไถ่ถอนหุ้นกู้รุ่น JKN239A อย่างมาก ทําให้บริษัทต้องพิจารณาแผนการชําระเงิน และการบริหารสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ของบริษัทและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จึงขออภัยผู้ถือหุ้นกู้ทุกท่านอย่างยิ่ง
ทั้งนี้บริษัทจะชําระเงินต้นบางส่วน 148.05 ล้านบาท และดอกเบี้ย 9.98 ล้านบาท รวมจำนวน 158.03 ล้านบาท ในวันครบกําหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ 1 ก.ย. 2566 โดยคงเหลือยอดค้างชําระจํานวน 451.95 ล้านบาท
โดยบริษัทจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A และจะนําเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A ที่คาดว่าจะจัดขึ้นภายในวันที่ 29 ก.ย. 2566 เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้พิจารณาอนุมัติ
– แผนการชําระเงินต้น และดอกเบี้ยหุ้นกู้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดสิทธิ รวมถึงการแก้ไข เปลี่ยนแปลงเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้อง และ
– การขอผ่อนผันให้การผิดนัดชําระเงินต้นและดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกําหนดสิทธิ และไม่เรียกชําระหนี้ตามหุ้นกู้โดยพลัน (Call Default) หากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ บริษัทเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถเสนอเงื่อนไขในการชําระเงินต้น และดอกเบี้ยตามแผนที่กําหนดไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้น JKN ดิ่งลงอย่างหนัก เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2566 ติดลบกว่า 28.57% และระหว่างวันของวันนี้ (1 ก.ย.) ลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 1.23 บาท หรือติดลบกว่า 27.6% เมื่อเทียบจากราคาวันก่อนหน้า โดยเพียงแค่ 2 วัน มูลค่ากิจการหายของ JKN หายไปแล้วกว่า 1.1 พันล้านบาท