หลังจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในไตรมาส 2/2566 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยขยายตัวเพียง 1.8% จากที่หลายสำนักคาดการณ์กันว่าจะโตได้มากกว่า 3% ส่งผลให้สำนักวิจัยทางด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ พากันปรับลดประมาณการจีดีพีปีนี้และปีหน้าลงกันถ้วนหน้า
ล่าสุด “ดร.อมรเทพ จาวะลา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออก จึงปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกที่ 3.3% โดยคาดว่าจีดีพีปี 2566 จะอยู่ที่ 3.0% และปี 2567 อยู่ที่ 3.5% จากเดิมคาดที่ 3.7%
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
โดยปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ที่ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลางถึงสูง ซึ่งมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางการรอคอยการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมในไตรมาส 2/2567
“สำนักวิจัยมีความเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ทั่วถึง กำลังซื้อระดับล่างยังอ่อนแอ และถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาภัยแล้งและหนี้ครัวเรือนสูง มีเพียงเครื่องยนต์ด้านท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่ง แต่การท่องเที่ยวไทยยังกระจุกตัวเพียงเมืองท่องเที่ยวหลัก ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ต้องจับตาเศรษฐกิจโลกและนโยบายรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุนของภาครัฐและเอกชน
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย “ดร.อมรเทพ” คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ที่ 2.25% เพื่อหยุดยั้งการคาดหวังอัตราเงินเฟ้อสูงในอนาคต จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ด้านวิจัยกรุงศรีก็ปรับลดประมาณการจีดีพีปี 2566 เหลือโตที่ 2.8% จากเดิมคาด 3.3% จากภาคส่งออก การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐที่อ่อนแอกว่าคาด โดยในช่วงครึ่งปีหลังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัว คาดโต 3.4% จาก 2.2% ในช่วงครึ่งปีแรกด้วยแรงหนุนหลักจากภาคท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง, การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่
ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น เร่งกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ โดยล่าสุดรัฐบาลระบุว่าเตรียมการช่วยเหลือ ภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนโครงการพักหนี้เกษตรกร และผลจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมวันที่ 27 ก.ย. จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25% ตลอดในช่วงที่เหลือของปี ผลจากจีดีพีไตรมาส 2/2566 เติบโตเพียง 1.8% ประกอบกับส่งออกอ่อนแอกว่าคาด
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่บรรเทาลง ขณะที่เศรษฐกิจไทยแม้มีทิศทางฟื้นตัว แต่ยังเติบโตได้ต่ำกว่าระดับศักยภาพระยะยาว กอปรกับล่าสุด ธปท.เตรียมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงจากที่คาดไว้ที่ 3.6% วิจัยกรุงศรีจึงยังคงมุมมองว่า กนง.อาจจะยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ย ในการประชุมเดือน ก.ย.
และคาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 9 ปี ตลอดในช่วงที่เหลือของปี เพื่อสนับสนุนให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีความต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร ก็ได้ปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจปี 2566 ลงจากเดิม คาดโตได้ 3.3% เป็น 2.8% และปี 2567 จากเดิม 3.6% เหลือ 3.3% หลังจีดีพีไตรมาส 2/2566 ออกมา 1.8% ต่ำกว่าคาด
และคาดว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 2.25% นั่นคือ จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ เพื่อประเมินความชัดเจนของแนวโน้มเงินเฟ้อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
