
Igloo อินชัวร์เทคข้ามชาติ เดินหน้าขยายตลาดในไทย จับมือ AirAsia Ride ออกบริการประกันภัยอุบัติเหตุ–ประกันภัยรถยนต์ เจาะไรเดอร์ รับประกันโดย “เออร์โกประกันภัย” วางเป้า 10,000 คน จ่ายเบี้ยเริ่มต้น 3,990 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 180 วัน พร้อมเล็งขยายพาร์ตเนอร์แอปเงินกู้ออนไลน์
วันที่ 9 กันยายน 2566 นายจอห์น เฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย Igloo Thailand เปิดเผยว่า Igloo เป็นบริษัทอินชัวร์เทคระดับภูมิภาคอาเซียน มีสำนักงานใน 6 ประเทศคือ สำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์และมีสำนักงานในไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย สำหรับในประเทศไทยจดทะเบียนภายใต้ชื่อ บริษัท แอกซินัน (ประเทศไทย) จำกัด
3 โครงสร้างธุรกิจ
สำหรับโครงสร้างธุรกิจ lgloo แบ่งออกเป็น 3 ด้านหลักคือ 1.ธุรกิจ b2b2c ที่ใหญ่ที่สุด โดยทำงานกับคู่ค้าหลักในกลุ่มอีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada, Shopee และ Foodpanda โดยการสอดแทรกประกันภัยเข้าไปในประสบการณ์การใช้ของ User ในแพลตฟอร์มนั้น ๆ
“อย่างกรณีของ Lazada เวลาลูกค้าไปสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและมือถือในเว็บไซต์ ก่อนที่จะชำระเงินจะมีให้เลือกว่าจะซื้อประกันอุบัติเหตุไปด้วยไหม พอเลือกแล้วชำระเงินไปพร้อมกันเลยทั้งสินค้าและทำประกันภัย สิ่งนี้จะเรียกว่า Embeded Journey คือใส่ประสบการณ์ประกันภัยเข้าไป ในการซื้อมือถือเครื่องนั้นเลย”
2.ธุรกิจทำแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นแอปพลิเคชั่นมือถือให้กับนายหน้าอิสระ คือนายหน้าประกันภัยอิสระสามารถหาลูกค้าและใช้แอปพลิเคชั่นของ lgloo บนมือถือเพื่อที่จะขายประกันภัยให้กับผู้มุ่งหวังของเขาได้เลย โดยที่ไม่ต้องมีกระดาษเข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถเลือกซื้อบนแอป จ่ายเงินบนแอป และมีกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ส่งเข้าอีเมล์ผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ได้เลย
“เราพยายามทำให้การซื้อขายประกันภัยเป็นไปอย่างง่ายดาย ทำให้นายหน้าอิสระสามารถเข้าถึงตลาดแล้วทำธุรกรรมซื้อขายส่งมอบกรมธรรม์ได้ทันที โดยนายหน้าอิสระเข้ามาลงทะเบียนและเข้าถึงแอปนี้และเอาประกันภัยที่อยู่ในนี้ไปขายใครก็ได้ ทำให้การขายประกันภัยสะดวกยิ่งขึ้น”
3.ธุรกิจ b2c ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ที่เริ่มต้นในอินโดนีเซีย โดยสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ marketplace สำหรับลูกค้าประชาชนคนทั่วไปสามารถ login เข้ามาเพื่อซื้อประกันภัยโดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ได้
“จุดแข็งที่สุดของเราคือ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ประกันภัยป้องกันหน้าจอแตก โดยก่อนรับประกันเราจะใช้เทคโนโลยีตรวจเช็คว่าหน้าจอมือถืออยู่ในสภาพดีหรือไม่ และเมื่อมีการเคลมเราจะใช้เอไอเข้ามาช่วยในการถ่ายรูปหน้าจอบนหน้ากระจก สแกนดูว่าหน้าจอกระจกของโทรศัพท์แตกจริงหรือเปล่า ซึ่งเทคโนโลยีส่วนนี้สามารถเข้าไปช่วยทำประกันได้หลากหลายผลิตภัณฑ์”
เล็งขยายงานจับมือแอปปล่อยกู้
นายจอห์น เฉิน กล่าวอีกว่า สินค้าหลักของ lgloo ตอนนี้คือ ประกันภัยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น การป้องกันหน้าจอแตก แต่บริษัทกำลังพยายามขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ เหมือนกัน อาทิ อุตสาหกรรมทางการเงิน โดยกำลังมีผลิตภัณฑ์คุ้มครองสินเชื่อหรือ Loan Protection เช่น แอปที่ปล่อยเงินกู้ให้ประชาชน
เนื่องจากในแอปที่ให้บริการเงินกู้ออนไลน์ ก็จะมีการทำประกันเสริมเข้าไปให้กับผู้ปล่อยกู้ โดยพันธมิตรเราทำอะไรก็ตาม เราสามารถเข้าไปร่วมเป็นพันธมิตรด้วยได้ เช่น บริษัท ก. ให้บริการเงินกู้กับลูกค้าเราก็สามารถเข้าไปคุ้มครองชีวิตของผู้กู้ กรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตประกันก็จะสามารถคุ้มครองเงินกู้ให้ได้ชำระเงินได้ครบถ้วน
“ที่ผ่านมา Igloo ได้ร่วมมือกับ AIS Insurance Service สำหรับประกันภัย Mobile 360 และแผนการประกันภัยคุ้มครองหน้าจอสมาร์ทโฟน ความร่วมมือที่โดดเด่นอื่น ๆ ได้แก่ ความร่วมมือกับไทยไพบูลย์ประกันภัยสำหรับประกันภัยไซเบอร์ส่วนบุคคล และความร่วมมือกับลาซาด้า ประเทศไทย ในการประกันภัยผู้ประกอบอาชีพดีลิเวอรี่และการขนส่งสินค้า
ในช่วงที่การแพร่ระบาดรุนแรง Igloo ยังร่วมกับฟู้ดแพนด้า จัดทำประกันภัยสำหรับไรเดอร์จำนวน 45,000 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งในความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจนถึงปัจจุบัน ในปี 2022 บริษัทปิดการระดมทุนในซีรีส์ B มูลค่ากว่า 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 690 ล้านบาท ภายใต้วิสัยทัศน์ในการขยายตลาดประกันภัยสู่ผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียน”
“การทำงานกับพันธมิตร เราจะจับมือทั้งสองฝ่ายคือ คู่ค้าที่อาจจะเป็นสถาบันการเงินโดยทั่วไป และที่เป็นบริษัทประกันภัย ส่วนเราเป็น Technology enable สำหรับการเป็นพันมิตรตอนนี้เราเน้นจับมือกับ e-commerce ก่อน”
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมีพันธมิตรประกันภัย จำนวน 3 รายคือ เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย, ไทยไพบูลย์ประกันภัย และซมโปะประกันภัย แต่เราสามารถจับมือเป็นพันธมิตรได้กับทุกบริษัทประกันภัย ซึ่งตอนนี้บริษัทเราเป็นอินชัวร์เทคแต่มีความร่วมมือกับโบรกเกอร์ในไทยด้วย
ส่วนของแผนการขยายธุรกิจในปี 2566 ไม่ได้มีแผนที่ชัดเจนสำหรับประเทศไทย แต่ lgloo ในอาเซียนมีภาพรวมร่วมกันที่ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้จากเมื่อ 3 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน เติบโตขึ้นมาประมาณ 15 เท่า ขายประกันให้ลูกค้าไปกว่า 400 ล้านกรมธรรม์ จากทุก ๆ ประเทศ โดยตลาดสำคัญที่สุดคือ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
“เราเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยตั้งแต่ปลายปี 2019 ใน 3 ปีแรกมีการแพร่ระบาดของโควิด มีเรื่องของการกำกับดูแลที่เข้มงวด และเรายังไม่มีใบอนุญาตนายหน้าโบรกเกอร์ ช่วงแรกจึงยังเติบโตช้า”
สำหรับตลาดประกันในประเทศไทย ค่อนข้างมีความแข็งแกร่ง มีอัตราเบี้ยต่อจีดีพีหรือ Penetration Rate ที่ 5.5% ขณะที่ตลาดเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดฯ มีประมาณ 1-2% เท่านั้น และตลาดไทยมีความ mature มากกว่า คนไทยตระหนักในความสำคัญของประกันภัยมากกว่า
จับมือ AirAsia Ride บริการประกันไรเดอร์
ล่าสุด lgloo ได้ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับแอร์เอเชีย ไรด์ ที่ทำธุรกิจเดียวกับ Grab เวลาคนขับก็จะเข้ามาทำธุรกิจเขาจะสมัครเป็นคนขับของเอเชีย ซึ่งเขาก็ต้องซื้อประกันตามที่กฎหมายใหม่กำหนด เราก็จะใส่ผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้าไปใน App Driver ตรงนั้น เขาก็สามารถสมัครและซื้อได้ทันที
เบื้องต้นจะเสนอประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันภัยรถยนต์สำหรับไรเดอร์ วางเป้าหมายคนขับจะซื้อประกันที่ประมาณ 10,000 คน โดยตอนนี้จับมือพันธมิตรประกันภัยในช่วงเริ่มต้นคือ เออร์โกประกันภัย
โดยจะครอบคลุมความคุ้มครอง จากการโจรกรรม ยานพาหนะเสียหาย การเสียชีวิต จากอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง โดยชำระเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 3,990 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 180 วัน
“โมโดลรายได้ของเราคือ โบรกเกอร์จะได้เงินจากบริษัทประกันภัย และโบรกเกอร์เจ้านี้จะเป็นคนชำระค่าธรรมเนียมบริการให้เรา”
lgloo ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางทุกอย่างขึ้นอยู่กับลูกค้า ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าทำธุรกิจอะไร เราก็จะเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า สำหรับเป้าหมายที่เป็นตัวเงินยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องมีเป้าหมายเท่าไร แต่รายได้หลักที่ได้รับเรียกว่า service fee หรือค่าธรรมเนียมจากการให้บริการในการใช้แพลตฟอร์มของเรา
โดยเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้าคือการกำหนดเป็นจำนวนกรมธรรม์และการเข้าถึงประชาชนมากกว่า คาดหวังว่าอยากขายกรมธรรม์ให้ได้ 50 ล้านกรมธรรม์ ภายในปี 2024 สำหรับประเทศไทย ซึ่งรวมกรมธรรม์ในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งนี้แผนธุรกิจในอนาคต กำลังทำทั้งช่องทางออนไลน์และช่องทางการขายผ่านโบรกเกอร์
“เราเป็นบริษัทที่มีบริษัทเทคข้ามชาติหนุนหลัง มีความทันสมัยกว่า เพราะเราสามารถตอบสนองความต้องการด้านเทคโนโลยีของลูกค้าได้ วิสัยทัศน์ก็เป็นส่วนสำคัญเพราะ lgloo คนส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมเทค เขาไม่ได้มีมุมมองแบบคนในธุรกิจประกัน ดังนั้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์และไอเดียใหม่ ๆ เขาจะมองได้กว้างกว่า”
ที่เวียดนามเราทำประกันภัยพืชผลทางการเกษตร โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเก็บข้อมูลน้ำฝนจากดาวเทียม และ process ไปสู่การเคลมประกันได้เลย ซึ่งโปรดักต์นี้จะนำเข้าสู่ตลาดประเทศไทยเช่นกันสำหรับประกันประเภทนี้ประเทศไทยมีคนให้บริการอยู่แล้ว
อนึ่ง Igloo เป็นอินชัวร์เทคแห่งแรกจากสิงคโปร์ ที่เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านประกันภัยแบบครบวงจร (Full-stack Insurtech) โดยมีศูนย์เทคโนโลยีในประเทศจีน ด้วยพันธกิจในการตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้บริการ ประกันสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
ทางบริษัทจึงพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อช่วยในการประเมินความเสี่ยงแบบเรียลไทม์ และการจัดการการเรียกร้องสินไหมอัตโนมัติแบบครบวงจร เพื่อสร้างโซลูชั่นการประกันแบบ B2B2C เพื่อการใช้งานของแพลตฟอร์มสำหรับองค์กร พันธมิตร และบริษัทประกัน โซลูชั่นการประกันของ Igloo จะช่วยให้องค์กรลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน สร้างรายได้จากช่องทางใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่