เปิดสาเหตุ “หุ้นไทย” ดิ่งหนัก 23.69 จุด หลุด 1,400 จุด

หุ้นไทย หุ้นร่วง

เปิดสาเหตุดัชนีหุ้นไทย ดิ่ง 23.69 จุด หลุด 1,400 จุด บล.กสิกร ชี้สงครามอิสราเอลขยายวง-บอนด์ยีลด์พุ่ง-แรงขายหนักกดทริกเกอร์ฟอร์ตเซล มองกรอบสัปดาห์หน้า 1,390-1,425 จุด ปรับลงจำกัด ทยอยซื้อได้บริเวณ 1,390-1,400 จุด ถ้าอิสราเอลบุกฉนวนกาซาเป็นลบตลาดหุ้น บอนด์ยีลด์สหรัฐทะลุ 5% อาจกดดันตลาดต่อ แนะลักษณะตั้งรับ

วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดตลาดช่วงเย็นวันนี้ ยืนอยู่ที่บริเวณ 1,399.35 จุด ลดลง 23.69 จุด หรือ -1.66% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 52,983.02 ล้านบาท โดยลงไปทดสอบจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,397.80 จุด หรือ ลดลง 25.24 จุด โดยดัชนี SET Index ถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับจากที่ลงไปจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2563 โดยลงไปทดสอบระดับ 1,194.95 จุด

ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยวันนี้จำนวน 1,215.31 ล้านบาท และนับจากต้นเดือนตุลาคมขายไป 10,053.96 ล้านบาท และหากนับจากต้นปี 2566 ขายไปแล้วกว่า 167,224.46 ล้านบาท

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าภาพตลาดหุ้นไทยช่วงนี้อยู่ในโหมด “ความกลัว” จากแรงกดดัน 2 เรื่องหลักคือ 1.ภาวะสงครามอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่กังวลจะขยายวงกว้างขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการชะลอการบริโภคและการลงทุน

2.บอนด์ยีลด์ไทย รุ่นอายุ 10 ปี ล่าสุดปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.37% ซึ่งเบรกค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 15 ปี ที่อยู่ประมาณ 3.2% เพราะฉะนั้นเวลาบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นจะกดดัน PE ตลาด โดยตอนนี้ PE ตลาดอยู่ที่ 14 เท่า กำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 100 บาท/หุ้น ฉะนั้นหุ้นที่มีระดับ PE เกิน 14 เท่าขึ้นไป ถ้ากำไรไม่ดีลิเวอร์จะถูกขายลงมาหนัก

“สองปัจจัยนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ดัชนี SET Index ตกแรง ประกอบกับเมื่อหุ้นโดนเทขายหนัก ก็ไปทริกเกอร์แรงฟอร์ตเซลของตลาด เพราะนักลงทุนหลายรายมีการใช้มาร์จิ้นในการเข้ามาลงทุนหุ้นด้วย” นายสุนทร กล่าว

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (24-27 ต.ค.) ให้กรอบดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,390-1,425 จุด มองว่าการปรับลดลงน่าจะจำกัดมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคงจะต้องติดตามภาวะสงคราม ซึ่งล่าสุดกองโจรเฮซบอลเลาะห์เข้ามาร่วมแล้ว โดยคีย์เวิร์ดสำคัญคือหากอิสราเอลบุกฉนวนกาซา อาจทำให้สงครามมีความยืดเยื้อได้ แต่ถ้าไม่บุกอาจจะเข้าสู่การเจรจาคืนตัวประกัน

“ถ้าอิสราเอลบุก ความเสี่ยงกดดันราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และอาจจะทำให้เป็นลบกับตลาดหุ้นในภาพรวม”

ส่วนบอนด์ยีลด์คงรอประชุมเฟดวันที่ 1 พ.ย. 2566 สัปดาห์หน้าจึงอาจจะไม่ได้มีการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญมาก ตลาดให้น้ำหนัก 90% รอบ 1 พ.ย. 2566 เฟดจะคงดอกเบี้ย แต่รอบเดือน ธ.ค. 2566 ยังมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย

โดยตลาดมองว่ารอบ 1 พ.ย. เฟดจะคงดอกเบี้ยเพราะว่าบอนด์ยีลด์ในตลาดขึ้นมาแรงเกิน ทำให้ภาวะการเงิน (financial condition) ตึงตัวมาก พูดง่าย ๆ คือคนกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ และค่าบัตรเครดิต มีค่าใช้จ่ายการผ่อนที่สูงขึ้นมาก โดยตอนนี้บอนด์ยีลด์สหรัฐ รุ่นอายุ 30 ปี ขึ้นอยู่ที่ 5.1% จากระดับ 1.5% เมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นต้นทุนคนผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น 3 เท่า

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ทยอยซื้อได้บริเวณ 1,390-1,400 จุด เพราะเป็นจุดที่ตลาดย่อตัวลงมาอยู่ในค่าเฉลี่ย PE ที่ 15 ปีย้อนหลัง โดยมองกลุ่มที่ outperform ตลาด เน้นหุ้นปัจจัยสี่ PE ไม่แพง และเป็น Value Stock เช่น PTTEP, BH, MEGA, TU, BBL, ADVANC

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้าคือ 1.สหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3/2566 ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ต.ค. ตลาดคาดโต 4% และวันศุกร์ติดตามรายงานตัวเลข Core PCE ของสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ

“หากบอนด์ยีลด์สหรัฐทะลุ 5% ผมว่าสัปดาห์หน้าคงเหนื่อย อาจจะกดดันตลาดต่อ ตอนนี้จึงอาจเป็นลักษณะตั้งรับ” นายสุนทร กล่าว