เทียบฟอร์มหุ้นการบิน BA กำไรพุ่งบุ๊กรายได้พิเศษ

BA-AAV

หลังโควิดผ่านพ้นไป ธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางสัญจรของผู้คนกลับสู่ปกติมากขึ้น ทำให้สายการบินที่เคยได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ในช่วงแพร่ระบาดของโควิดกลับมาคึกคัก ธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้น

โดยเฉพาะสายการบินของเอกชนที่ช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้แย่หนักจนถึงกับต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ อย่าง สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) กับ สายการบินแอร์เอเชีย (AirAsia) ซึ่ง “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ลองเทียบศักยภาพ 2 สายการบินนี้ในแง่การทำกำไร ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร

Q3 ภาพรวมกำไรดรอป QOQ

โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีฯ ชี้ว่า ในช่วงไตรมาส 3 หากเป็นช่วงปกติก่อนมีโควิด การให้บริการธุรกิจสายการบินจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่สำหรับไตรมาส 3 ปี 2566 จะเป็นช่วงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน

โดยภาพรวมผู้โดยสารเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.81% จากไตรมาส 2/66 ขยับมาอยู่ที่ 25.6 ล้านคน จาก 24.9 ล้านคน โดยเส้นทางบินระหว่างประเทศค่อย ๆ ฟื้นตัวตามปริมาณนักท่องเที่ยวที่ทยอยเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อดูผลการดำเนินงานของหุ้น บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ให้บริการสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งทั้งสองสายการบินจะให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศมากกว่า 60-70%

อย่างไรก็ดี ภาพรวมในไตรมาส 3 ปีนี้ จำนวนผู้โดยสารภายในประเทศ คาดว่าจะอยู่ที่ 10.4 ล้านคน ลดลง 5.45% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)

BA เส้นทาง “สมุย” ประคอง

“กำไรปกติ BA และ AAV จะเป็นภาพที่ซอฟต์ลง แต่กำไรปกติ BA จะดีกว่า AAV เพราะประมาณ 50% เป็นเส้นทางเกาะสมุย ซึ่งก็เป็นช่วงไฮซีซั่น ฉะนั้นผลกระทบจากโลว์ซีซั่นของภาพรวม อาจจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า AAV อย่างไรก็ดี ทั้งสองสายการบินยังได้รับแรงหนุนจากราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ย ที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงพรีโควิด เพราะยังมี pent up demand ค่อนข้างมาก ขณะที่การให้บริการของสายการบินในภาพรวมยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ”

บางกอกแอร์ บุ๊กรายการพิเศษ

โดย บล.กรุงศรีฯ ประเมินกำไรสุทธิ BA งวดไตรมาส 3 ปีนี้ จะเห็นการฟื้นตัวโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม คาดว่าจะอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท ฟื้นจากขาดทุนสุทธิ 393 ล้านบาท (หรือเพิ่มขึ้น 532%) เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) และเพิ่มขึ้น 150% QOQ

เนื่องจาก BA จะมีรายการพิเศษจากการขายหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) จำนวน 207 ล้านหุ้น มีกำไรจากการขายหุ้นราว 5,000 ล้านบาท แต่จะรับรู้ผ่านกำไรสะสมในส่วนของผู้ถือหุ้น แต่เนื่องด้วยเวลาขายหุ้นแล้ว มีกำไรจะต้องเสียภาษี 20% ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินก้อนนี้ราว 1,000 ล้านบาท

“จากผลประกอบการที่ขาดทุนช่วงโควิด BA จะมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากผลขาดทุนค้างอยู่ ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้ เพราะฉะนั้นจะไม่ต้องเสียภาษี 1,000 ล้านบาท และสามารถนำรายการดังกล่าวพลิกเป็นรายได้ภาษีบวกกลับเข้ามาในงบกำไร-ขาดทุนได้”

ตาราง BA-AAV เทียบฟอร์ม

AAV “บาทอ่อน” ขาดทุนพุ่ง

ส่วนกำไรสุทธิ AAV ในไตรมาส 3 จะซอฟต์ลงตามฤดูกาล และโชคไม่ดี ได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ประมาณ 1,000 ล้านบาท จึงคาดไตรมาส 3 ปีนี้ จะเห็นผลขาดทุนสุทธิค่อนข้างหนักกว่า 1,000 ล้านบาท แต่จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 30-50 ล้านบาท

Q4 ลุ้นฟรีวีซ่าดันนักท่องเที่ยวจีน

สำหรับไตรมาส 4/66 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นการเดินทางท่องเที่ยว บล.กรุงศรีฯ เชื่อว่ากำไรปกติทั้งสองสายการบินน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 แต่ทั้งนี้อาจต้องจับตาดูเรื่องนักท่องเที่ยวจีน ที่ช่วงก่อนโควิดมีสัดส่วน 30% ของนักท่องเที่ยวรวม แต่จากเหตุการณ์กราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จะกดดันปริมาณการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน

ซึ่งหากไปเทียบเหตุระเบิดราชประสงค์ หรือเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต จะดึงตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนต่ำลงจากปกติประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งต้องลุ้นจากที่ภาครัฐให้สิทธิประโยชน์วีซ่าฟรี ว่าจะช่วยได้เร็วแค่ไหน

“ภาพผลประกอบการทั้งปีของ BA และ AAV เชื่อว่ากำไรปกติจะฟื้นจากขาดทุนเป็นกำไร ได้รับปัจจัยบวก 1.การฟื้นตัวของปริมาณการเดินทางเริ่มกลับสู่ภาวะปกติหลังโควิดคลี่คลาย 2.ราคาตั๋วโดยสารที่อยู่ในระดับสูงกว่าพรีโควิด หุ้นทั้งสองตัวยังแนะนำ “ซื้อ” เมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย BA ปีหน้าอยู่ที่ 20.50 บาท AAV ที่ 3.64 บาท”

บล.กรุงศรีฯยังชี้ว่า ประเด็นบวกช่วงนี้อาจจะไม่คึกคักเท่ากับช่วงครึ่งปีแรก หรือปีก่อนหน้า เพราะครึ่งปีหลังและปีหน้าอาจจะโดนกดดันจากเรื่องราคาน้ำมันที่สูง และกลับมาจ่ายภาษีน้ำมันเครื่องบินที่อัตราปกติ จึงอาจกดดันต้นทุนได้ รวมถึงภาพการแข่งขันที่อาจกลับมารุนแรงมากขึ้น

Q3 จุดต่ำสุดธุรกิจการบิน

ด้าน นางสาวศิริลักษณ์ พินทุสุนทร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บล.บียอนด์ กล่าวว่า ไตรมาส 3 คาดว่าหุ้นสายการบิน ผลประกอบการอาจจะไม่ดีเท่าไตรมาส 2 ส่วนหนึ่งถูกกดดันจากโลว์ซีซั่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จึงมองว่ากำไรจะดรอป QOQ

“ไตรมาส 3 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว เชื่อว่าไตรมาส 4/66 กำไรจะฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวและตามช่วงไฮซีซั่น และผลนโยบายมาตรการวีซ่าฟรี”