สงครามอิสราเอล-ฮามาส ดันราคาทองในประเทศทำ All-time high

gold-bar
Gold bar stack on black background, wealth concept, treasure, and trading, investment, 3D rendering
คอลัมน์ : สถานีลงทุน
ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ทองคำยังเป็นที่ต้องการเสมอเมื่อเกิดสงคราม ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์เกิดขึ้นมายาวนานราว 75 ปี แต่สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ปาเลสไตน์รอบนี้ถือว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบ 50 ปี

ทำให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำ spot ปรับขึ้นแรงอย่างต่อเนื่องทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยคืนวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคมขึ้นไปใกล้แนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา 2,000 ดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้นราว 190 ดอลลาร์ หรือ 10% ภายใน 2 สัปดาห์ ตั้งแต่เริ่มเกิดสงคราม

สถานการณ์ในตะวันออกกลางดูจะยืดเยื้อกว่าที่ในอดีต โดยในอดีตที่ผ่านมาเหตุรุนแรงในอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสและกลุ่มอิสลามอื่น ๆ จะเป็นไปในลักษณะของการทำสงครามด้วยอาวุธขนาดใหญ่ ทั้งรถถัง เครื่องบินรบ ซึ่งความพร้อมของอิสราเอลในเรื่องยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้สงครามและความรุนแรงยุติลงอย่างรวดเร็ว

หากประเทศผู้สนับสนุนอิสราเอลและผู้สนับสนุนฮามาสเริ่มเข้ามามีส่วนในสงครามมากขึ้น ก็จะกระทบต่อราคาน้ำมัน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เรื่องเงินเฟ้อของหลายประเทศที่ยังไม่ได้ปรับลงมามาก แต่ถ้าราคาพลังงานกลับเร่งตัวขึ้น ก็จะยิ่งกดดันให้เกิดเงินเฟ้อ ความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและประเทศอื่น ๆ จะปรับลดลงได้ยากก็จะกลับมากดดันการลงทุน

ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าสงครามจะกินเวลานานแค่ไหน และจะขยายวงกว้างหรือไม่ ซึ่งประเมินสถานการณ์ 3 กรณี ดังนี้

Advertisment

1.กรณีสงครามจำกัดเฉพาะอิสราเอลและกลุ่มฮามาส คาดว่าราคาทองคำจะขึ้นไปแตะที่ 2,000 ดอลลาร์

2.กรณีสงครามขยายวงกว้าง โดยมีเลบานอนและซีเรียเข้ามาร่วมทำสงครามช่วยเหลือกลุ่มฮามาส เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล จะทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์ และคาดว่าราคาทองคำจะทะลุ 2,000 ดอลลาร์ และอาจแตะ 2,020-2,050 ดอลลาร์

3.กรณีสุดท้ายเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน เนื่องจากอิหร่านที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสตัดสินใจทำสงครามกับอิสราเอล กรณีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากที่สุด แต่ถ้าเกิดขึ้นจะทำให้ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นแตะ 150 ดอลลาร์ เนื่องจากอิหร่านเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่

โดยมีกำลังการผลิต 3.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และการส่งออกน้ำมันจากประเทศตะวันออกกลางต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งมีการประเมินว่าการส่งออกน้ำมันทั่วโลกประมาณ 40% ต้องผ่านช่องแคบนี้

Advertisment

ตาราง ทองคำ

ดังนั้น ถ้าเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน จะทำให้ปริมาณ supply น้ำมันลดลง และเกิดปัญหาเรื่องการขนส่งน้ำมันด้วย กรณีนี้คาดว่าราคาทองคำจะทำ all-time high ซึ่งในช่วงเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นแรงทำ all-time high แตะ 2,069 ดอลลาร์ในวันที่ 8 มีนาคม 2565

ปีนี้ราคาทองในประเทศเพิ่มขึ้นทำ all-time high อย่างต่อเนื่อง จากประเด็นสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทำให้ราคาทองแท่งในประเทศทะลุ 34,000 บาท ซึ่งในวันที่ 20 ตุลาคม ราคาทองแท่งขายออกของสมาคมค้าทองคำทำ all-time high แตะที่ 34,250 บาท ถึงแม้ว่าราคาทองในตลาดโลกยังไม่ได้ทำ all-time high

เนื่องจากเงินบาทที่อ่อนค่าลงในปีนี้ราว 2 บาท ทำให้ราคาทองแท่งในประเทศได้ 2 เด้ง จากราคาทองคำในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น และเงินบาทที่อ่อนค่าลง สำหรับราคาทองแท่งในประเทศที่ระดับ 34,300 บาทขึ้นไป คาดว่าน่าจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา

เราแนะนำขายทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาทอง spot ปรับขึ้นที่แนวต้าน 2,000 ดอลลาร์ และบางส่วนถือต่อไปได้ (let profit run) นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันต่อเหตุการณ์ ถ้าความตึงเครียดในตะวันออกกลางคลี่คลายลง คาดราคาทองจะลดลงแรง ดังนั้น ต้องขายทองคำออกมา

อย่างไรก็ดี สถิติที่ผ่านมาราคาทองปรับขึ้นมากที่สุดในเดือนธันวาคมและเดือนมกราคม การปรับลงแรงที่ระดับ 1,930-1,950 ดอลลาร์ และ 1,900 ดอลลาร์ ยังน่าทยอยสะสมใหม่