
แถลงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเลต ดันราคาหุ้นค้าปลีกวิ่งยกแผง โบรกฯชี้วงเงินสูงกว่าคาด มีประเด็น Positive Surprise พ่วงโครงการใหม่ e-Refund
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีกวันนี้ ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงประกาศนโยบายดิจิทัลวอลเลต พบว่ากอดคอวิ่งขึ้นยกแผง (ณ เวลา 15.53 น.)
- CPALL +2.73%
- CPAXT +2.80%
- CRC +4.03%
- BJC +3.70%
- COM7 +5.00%
- CPW +7.89%
- DOHOME +2.61%
- ILM +2.61%
- GLOBAL +2.96%
- MC +1.67%
- HMPRO +4.24%
- MOSHI +1.46%
โดยข้อสรุปให้สิทธิคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาท/เดือน มีเงินฝากต่ำกว่า 500,000 บาท รวมกลุ่มเป้าหมายประมาณ 50 ล้านราย โดยให้ใช้สิทธิในระยะเวลา 6 เดือน ครอบคลุมการใช้จ่ายในระดับอำเภอตามบัตรประชาชน โดยจะสิ้นสุดโครงการปี 2570 เริ่มใช้ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2567
นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพิ่มเติม e-Refund สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต รัฐบาลประเมินกลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านราย สามารถนำค่าใช้จ่ายไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้จากการซื้อสินค้าและบริการวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
โดยเม็ดเงินโครงการรวม 600,000 ล้านบาท แยกเป็นจำนวน 500,000 ล้านบาท สำหรับโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต และจำนวน 100,000 ล้านบาท รัฐจะนำไปใส่ในกองทุนเสริมสร้างการแข่งขัน 13 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (New S-Curve) รวมถึงคาดหวังวงเงินจากโครงการ e-Refund ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 1-2 แสนล้านบาท
โดยแหล่งที่มาของเงินจะออกพระราชบัญญัติเป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งต้องผ่านกระบวนการการตีความโดยกฤษฎีกา เพื่อให้การออก พ.ร.บ.กู้เงิน ซึ่งพร้อมชำระคืนหนี้ได้ภายใน 4 ปี โดยเชื่อว่าจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจไทยให้เติบโต 5%
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ความชัดเจนที่เกิดขึ้นวงเงินการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากกว่าคาด (วงเงินดิจิทัลวอลเลต + โครงการ e-Refund) ถือเป็น Positive Surprise จะเป็นบวกต่อกลุ่ม Domestics กลุ่มการบริโภค ช่วยเพิ่มกำลังซื้อครอบคลุมทุกกลุ่มรายได้ แนะนำหุ้น GLOBAL, CPN และช่วยฟื้นเศรษฐกิจส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำหุ้น KBANK
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มองประเด็นนี้เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและไฟแนนซ์โดยมอง CPAXT, BJC, HMPRO, GLOBAL, DOHOME, ILM และ CPALL มีโอกาสได้รับผลดีโดยตรง
เนื่องจากเป็นแหล่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ CBG, CPW และ CRC มีโอกาสได้รับผลดีจากการช่วยบรรเทาค่าครองชีพจากรัฐบาล ขณะที่กลุ่มการเงิน เช่น KTC, MTC, SAWAD และ AEONTS จะได้ประโยชน์จากการช่วยทุเลาค่าใช้จ่าย ช่วยหนุนคุณภาพของสินทรัพย์