ตลาดหุ้นไทยป่วนหนัก “Short Selling” เขย่าเก้าอี้ผู้บริหาร

ภากร ปีตธวัชชัย

ตลาดทุนไทยปีนี้ ดูจะเต็มไปด้วยความผันผวน แม้ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ก็ยังเจอแต่เรื่องหนัก ๆ ล่าสุด บรรยากาศในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร้อนระอุสวนทางกับสภาพอากาศเมืองไทยที่ลมหนาวเริ่มมาเยือน เล่นเอาผู้บริหารนั่งกันไม่ค่อยติดเลยทีเดียว จากกระแส “เขย่าเก้าอี้” ที่ดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเจอทั้งเรื่องหุ้นตกบ่อย ๆ ขณะที่หุ้นเข้าใหม่ราคาต่ำจองเป็นว่าเล่น ดัชนี SET จะลุ่ม ๆ ดอน ๆ แล้วก็ยังมีประเด็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีปัญหา จนสั่นคลอนความเชื่อมั่นนักลงทุนอย่างมาก

ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติก็เทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการเลือกตั้งจะผ่านไปแล้ว มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้วก็ตาม

               

ล่าสุด ช่วงนี้ก็มีประเด็นร้อน “short sell” หรือการยืมหุ้นมาขาย เข้ามาอีก โดยเฉพาะข่าวลือสะพัดเรื่อง “naked short selling” หรือการยืมหุ้นมาขายโดยไม่ได้มีหุ้นอยู่ในมือ หรือมีหุ้นน้อยกว่าที่จะขาย ซึ่งเป็นเรื่อง “ผิดกฎหมาย”

นายกฯมอบ “กิตติรัตน์” จัดการ

จากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย ทำให้ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง อยู่นิ่งไม่ได้ และได้มอบหมายให้ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแล โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เรียกสำนักงาน ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และกระทรวงการคลังเข้าไปหารือ

ก.ล.ต.ยันไม่พบทำผิดกฎหมาย

“พรอนงค์ บุษราตระกูล” เลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า ประธานที่ปรึกษานายกฯ ได้สอบถามเกี่ยวกับข้อกังวลตลาดหุ้นตก เพราะเกิดจากการทำ short sell ซึ่งทั้งสำนักงาน ก.ล.ต. และ ตลท. ได้แชร์ข้อมูลว่า มีการติดตามสถานการณ์ของตลาดหุ้นตก ซึ่งเกิดจากหลากหลายปัจจัย แต่มีความมั่นใจว่า short sell หรือโปรแกรมเทรดดิ้ง ไม่ได้เป็นตัวก่อให้เกิดการกระทำที่ไม่เป็นธรรม หรือการทำผิดกฎหมายอย่างการทำ naked short sell

“ก.ล.ต. กับตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการสอบทานและตรวจสอบด้วยวิธีการของระบบที่มีอยู่ตลอดเวลา หากเจอ ก็ยืนยันว่าสามารถเอาผิดตามกฎหมายได้ โดยปกติการสอบทานเป็นไปตามความเสี่ยง ถ้าเสี่ยงมากการสอบทานจะมีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ”

“ภากร” โต้ข่าวลือ-แจงปมบอร์ด

หลังจากนั้น ข่าวลือทุบหุ้นยังคงมีต่อเนื่อง ประกอบกับมีข่าวพาดพิงถึงการทำงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ร้อนถึง “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ต้องออกมาแถลงด่วน โดยกรณี naked short sell นั้น ยืนยันว่า ตรวจสอบ “ไม่พบความผิดปกติ” พร้อมย้ำว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯมีมาตรการควบคุมและขั้นตอนการดูแลอย่างรัดกุมในการตรวจจับว่ามีการทำ naked short หรือไม่ ดังนั้น จึงไม่อยากให้นักลงทุนเป็นกังวล

ส่วนประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์โครงสร้างของบอร์ด ตลท. ก็ชี้แจงว่า กรรมการทั้งหมดได้รับการแต่งตั้งมาอย่างเท่าเทียม โดยองค์ประกอบของบอร์ด ตลท. ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน กำหนดให้มาจาก 2 กลุ่ม คือ 1.บุคคลที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. แต่งตั้ง 6 ราย และ 2.บุคคลที่มาจากการเลือกตั้งของบริษัทสมาชิกอีก 4 คน

“เรื่อง conflict of interest ของบอร์ด ขอชี้แจงว่า การทำงานจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์ และนโยบายการกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ (CG Policy) โดยกรรมการ ผู้ใดมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องที่พิจารณา จะต้องแจ้งการมีส่วนได้ส่วนเสีย และไม่เข้าร่วมการพิจารณาในเรื่องนั้น ๆ

นอกจากนี้ การดำเนินงานของฝ่ายจัดการ ตลท. ในเรื่องการดำเนินงาน day to day ได้มีการวางแผน และเป็นหน้าที่ของฝ่ายจัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะต้องดำเนินกิจกรรมต่อไป ไม่ได้มีการถูกให้นโยบายเพิ่มเติมจากคณะกรรมการใด ๆ ทั้งสิ้น”

รายย่อยขู่หยุดเทรด

ขณะที่นักลงทุนรายย่อยขู่ว่า จะพร้อมใจกันจะหยุดเทรดกับทุกโบรกเกอร์ ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เพื่อแสดงการต่อต้านต่อผู้กำกับดูแลตลาดทุน หลังตลาดหุ้นไทยเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก จากการทำธุรกรรม short selling และการใช้ระบบส่งคำสั่งซื้อขายความถี่สูง (HFT) ที่ไม่เป็นธรรมในการลงทุน

ด้านนายกรัฐมนตรี ก็ให้สัมภาษณ์มาจากต่างประเทศว่า ตอนนี้ความไว้วางใจในตลาดหุ้นไทยมีน้อย โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่คดีเรื่องหุ้น MORE หรือ บมจ.มอร์รีเทิร์น และหุ้น STARK หรือ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น ดูไม่คืบหน้า จนตนเองอารมณ์เสียใส่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะผู้ทำคดี

ตลท.เปิดข้อมูล “Short Selling”

ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการเปิดเผยข้อมูลซื้อขายรายวัน program trading เพิ่มเติมจากการให้ข้อมูล short selling และ NVDR ทางเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนมากขึ้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 2566 เป็นต้นไป

ด้าน “พิเชษฐ สิทธิอำนวย” นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวยอมรับว่า โปรแกรมเทรดดิ้งที่มีลักษณะรูปแบบ HFT มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย โดยจะกระทบต่อนักลงทุนบางกลุ่ม อาทิ คนเล่นสั้น สายเก็งกำไร เนื่องจากคนไม่สามารถคีย์คำสั่งได้รวดเร็วเท่ากับคอมพิวเตอร์

“ปัจจุบันเรามีนักลงทุนหลายประเภท ตั้งแต่พวกเข้าถือสั้น ถือกลาง และถือยาว ผสมกันหมด ฉะนั้นยอมรับว่า HFT มีผลกระทบกับนักลงทุนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น และขอย้ำว่าเป็นกลไกของทุกตลาดในโลก”

ส่วนแนวทางการตรวจสอบ naked short sell มีการกำกับดูแลจาก ก.ล.ต. และ ตลท. รวมถึงโบรกเกอร์ก็มีการตรวจสอบตลอดเวลา

“พวกเราก็ไม่อยากให้ใครมาทำในลักษณะ ‘จับเสือมือเปล่า’ คือไม่มีหุ้น แต่มาขายและซื้อคืน”

คงต้องติดตามกันต่อไปว่า อุณหภูมิของตลาดหุ้นไทย จะ “เย็นลง” ได้ หรือจะ “เดือดหนัก” ยิ่งขึ้นไปอีก