
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 3/66 ของสภาพัฒน์ ออกมา 1.5% ต่ำกว่าคาด เหตุสินค้าคงคลังปรับลดลง 9.8 หมื่นล้านบาท ฉุดจีดีพีร่วง เชื่อไตรมาสที่ 4 การท่องเที่ยว-ส่งออกเร่งตัว ดันจีดีพีทั้งปีโตได้ 2.5% ประเมินเศรษฐกิจปี’67 กลับมาขยายตัวดีขึ้นในกรอบกลาง 3.2% จับตาเศรษฐกิจโลก-จีน แรงกดดันดอกเบี้ย ความเสี่ยงกระทบจีดีพี
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ระบุว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3/2566 ขยายตัว 1.5% YOY หรือเพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้า 0.8% QOQSA
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวมากกว่าคาดส่วนหนึ่งจากระดับของสินค้าคงคลังที่ลดลงต่อเนื่อง โดยการเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงคลัง (change in inventories) เคยปรับลดลงในไตรมาสที่ 2 ที่ระดับ 3.7 หมื่นล้านบาท และในไตรมาสที่ 3 นี้ลดลงสูงถึง 9.8 หมื่นล้านบาท เป็นการลดลงที่มากกว่าไตรมาสก่อนสูงถึง 2.6 เท่า
ส่งผลให้ฉุดจีดีพีในไตรมาส 3 ลงไป 7.1 pp. ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใหญ่กว่าจีดีพีทั้งไตรมาสที่ 2.5% (อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกสุทธิทำให้เศรษฐกิจยังสามารถขยายตัวได้)
การเปลี่ยนแปลงของสินค้าคงคลังที่ลดลงได้สะท้อนถึงภาคการผลิตยังคงผลิตในระดับต่ำและดึงสินค้าคงคลังออกมาขายมากกว่าที่จะผลิตขึ้นใหม่ ส่วนหนึ่งจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวและต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูง
สภาพัฒน์คาดเศรษฐกิจปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว 2.5% สะท้อนว่าจีดีพีไตรมาสที่ 4 มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ Krungthai COMPASS หากจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 2.5% ดังนั้นในไตรมาสที่ 4 จีดีพีต้องเร่งขึ้นอย่างน้อย 1.2%QOQSA
โดย Krungthai COMPASS มองว่ามีความเป็นไปได้จากปัจจัยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า สำหรับภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากจะเป็นช่วง high season ของภาคการท่องเที่ยว
อีกทั้งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการวีซ่า-ฟรี ทำให้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีแนวโน้มเร่งขึ้นใน และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีมีแนวโน้มอยู่ที่ 28.3 ล้านคน ใกล้เคียงกับมุมมองของสภาพัฒน์ที่ 28 ล้านคน
ขณะที่การส่งออกสินค้าเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นบ้างในไตรมาสที่ 3 และคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 สามารถขยายตัวได้เร่งขึ้น และจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปี 2567 ขยายตัวได้สูงกว่าปีนี้ สภาพัฒน์คาดเศรษฐกิจปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบจากปีนี้ สอดคล้องกับมุมมองของ Krungthai COMPASS ที่คาดว่าจีดีพีปีหน้าจะฟื้นตัวดีขึ้น
สภาพัฒน์คาดว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยอาจเติบโตในช่วงประมาณการ 2.7-3.7% โดยมีค่ากลางของกรอบประมาณการที่ 3.2% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสถาบันทางเศรษฐกิจหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ IMF และ สศค. (คาดว่าเติบโต 3.2% ณ เดือน ต.ค.) รวมทั้งสอดคล้องกับมุมมองของ Krungthai COMPASS
ซึ่งประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบจากปี 2566 จากปัจจัยหนุนสำคัญของภาคการส่งออกซึ่งคาดว่าจะกลับมาเติบโตในปีหน้าหลังจากที่อาจหดตัวในปีนี้ ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในปีหน้า สอดคล้องกับภาวะการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว
ซึ่งสอดคล้อง Krungthai COMPASS ที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะแตะราว 35.0 ล้านคน ใกล้เคียงกับที่สภาพัฒน์คาด อย่างไรก็ตาม ตัวเลขประมาณการของสภาพัฒน์ดังกล่าวมิได้รวมผลกระทบของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ยังมีความไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ Krungthai COMPASS ประเมินว่า เศรษฐกิจในปีหน้ายังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจหลักฝั่งตะวันตกจะถูกกดดันจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่ความล่าช้า พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2567 จะกระทบการเบิกจ่ายและการลงทุนภาครัฐในปีหน้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านต่ำต่อการขยายตัวของ GDP