MGI เปิดซื้อขายวันแรกที่ราคา 6.25 บาท หุ้นเหนือจอง 26.26%

“มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” หรือหุ้น MGI เปิดซื้อขายวันแรกที่ราคา 6.25 บาท เหนือจอง 26.26% ลุยนำเงินระดมทุน

วันที่ 14 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้เป็นวันแรกในหมวดเซ็กเตอร์ “สินค้าอุปโภคบริโภค” ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “MGI”

มีราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 6.25 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3 บาท หรือ +26.26% จากราคาเสนอขายครั้งแรกไอพีโอที่ราคา 4.95 บาทต่อหุ้น

นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล
นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล

สำหรับ MGI ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพาณิชย์ จากการจัดประกวดนางงาม “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ ”มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” การบริหารจัดการศิลปิน และการจัดจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ได้แก่ สินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ แบรนด์ “Miss Grand” “NangNgam” และ MGI เป็นต้น

MGI เป็นเจ้าของเวทีประกวดนางงามก้องโลก “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการประกวดนางงามทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ให้เป็นเวทีนางงามที่ได้รับกระแสนิยมมากที่สุด ภายใต้สโลแกน “นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์” ทำให้มีผู้คนติดตามและมีส่วนร่วม (Engagement) และสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เป็นโอกาสได้อย่างครบวงจร ส่งมอบสินค้าและบริการแก่ลูกค้าให้ประทับใจที่สุด พร้อมพัฒนาและเสริมสร้างการเรียนรู้ให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง MGI มีความเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จในการจัดประกวดนางงามจนมีฐานแฟนเพิ่มขึ้น และกำลังขยายฐานสู่ตลาดโลกมากขึ้น เป็นจุดแข็งสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจอีกมากมาย และความภาคภูมิใจของ MGI จากการประเมินของ Global Beauties ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์การประกวดนางงามระดับนานาชาติที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1998

ADVERTISMENT

ได้มีการจัดอันดับ 5 เวทีระดับ Grand Slam Beauty Pageant ในเดือนมิถุนายน 2566 โดย Miss Grand International เป็นเวทีที่จัดการประกวดโดยคนไทยที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ใน GRAND SLAM TOP5 ที่ทัดเทียมในระดับสากลโลก และเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ที่แข็งแกร่งของคนไทย

ADVERTISMENT

กางแผนลงทุน

บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้จำนวน รวมจำนวน 284 ล้านบาท เพื่อใช้ภายในปี 2568 ดังนี้

1.การลงทุนปรับปรุง ตกแต่งอาคารสำนักงาน 40 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567 เพื่อใช้รองรับการขยายตัวของพนักงาน ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนพนักงาน 120 คน เพื่อใช้เป็นพื้นที่ทำงานของพนักงาน การจัดทำห้อง Server เพื่อรองรับการพัฒนาระบบสารสนเทศ และการปรับปรุงตกแต่งพื้นที่ส่วนกลาง ได้แก่ ทางเดิน ห้องประชุม ห้องครัว ห้องแคนทีน ห้องน้ำ และห้องเก็บเอกสาร

2.การลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า และผลิตรายการ เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ในทุกช่องทาง 50 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567 มีแผนที่จะลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยการทำวิจัยทางการตลาด สำรวจความคิดเห็นของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์บริษัท เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า และผลิตรายการทางออนไลน์ในลักษณะการทำ Content เพิ่ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ในทุกช่องทาง

3.การลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (Information Technology) 20 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567 บริษัทมีแผนที่จะลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งในส่วนการสนับสนุนการทำงาน (Backbone Technology) และในส่วนการให้บริการด่านหน้าธุรกิจ (Frontline Technology) เพื่อการขยายธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูล

4.เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ 174 ล้านบาท ภายในปี 2566-2568

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า MGI จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับประสบการณ์ในฐานะผู้นำที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรม ถือเป็นบริษัทเจ้าของเวทีประกวดนางงามรายแรกที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

แม้ภายใต้สภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของ MGI อยู่ในอุตสาหกรรมที่ดี มีผลประกอบการที่ดี ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ และสินค้าที่จัดจำหน่ายอยู่ในเทรนด์ของผู้บริโภค เชื่อว่า จะทำให้ MGI ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในระยะยาว

ทั้งนี้ ในด้านผลการดำเนินงานของ MGI มีการเติบโตอย่างโดดเด่น งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวม 432.45 ล้านบาท กำไรสุทธิ 77.13 ล้านบาท มีจำนวนที่มากกว่าปี 2565 ทั้งปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นการเติบโตจากทุกกลุ่มธุรกิจ

โดยธุรกิจพาณิชย์ จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นรายได้กลุ่มหลัก สัดส่วนรายได้ 41% ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ 13% ธุรกิจสื่อและบันเทิง 19% ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน 23% และรายได้ค่าเช่าช่วง MGI Hall 4% ด้วยจุดเด่นของ MGI เป็นบริษัท Cash Cow มีเงินสดในมือจำนวนมาก เป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้

ซึ่งหากดูอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ต่ำเพียงประมาณ 0.8 เท่า หนี้สินส่วนใหญ่คือเจ้าหนี้การค้า ส่วนอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ต่ำมาก น้อยกว่า 0.01 เท่า สะท้อนฐานการเงินแข็งแกร่ง ธุรกิจเติบโตสูง

ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/2566 ธุรกิจที่อยู่ใน Ecosystem ของ MGI เติบโตไปพร้อมกัน และถือเป็นช่วงเก็บเกี่ยวหลังจากการประกวดแล้วเสร็จ นางงามได้รางวัล เริ่มทำอีเวนต์ต่าง ๆ และมีกิจกรรมการตลาดอย่างคึกคัก รวมทั้งการรับรู้ค่าลิขสิทธิ์จากการจัดงาน Miss Grand International รวมถึงยอดจัดจำหน่ายสินค้าที่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และ TikTok ที่กระแสยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง จึงมั่นใจ MGI มีความแข็งแกร่งอย่างมากทั้งในแง่ธุรกิจและฐานทุน โดยเตรียมลงทุนเพื่อต่อยอดไปสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนในระยะยาวได้

นายธวัทชัย แพร่แสงเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม และวันที่ 6-7 ธันวาคมที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัท

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน MGI จะไปใช้สำหรับลงทุนปรับปรุงตกแต่งอาคาร การลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า และผลิตรายการ เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ในทุกช่องทาง รวมทั้งการลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (Information Technology) ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน นับเป็นการยกระดับองค์กรของมิสแกรนด์สู่มหาชน สร้างความเชื่อถือเชื่อมั่น และเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้การบริหารงานบนหลักธรรมาภิบาลที่ดี

ขณะที่ MGI มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรกก่อนและหลัง IPO คือ คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล และคุณรัชพล จันทรทิม ซึ่งยังไม่มีแผนที่จะขายหุ้นของบริษัทในอนาคต เนื่องจากทั้ง 2 คนเป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่เริ่มแรก

เป็นผู้ที่ช่วยกันบริหารบริษัทให้มีความเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และทั้ง 2 คนยังมีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจที่แน่วแน่ในการบริหารบริษัท และนำพาบริษัทให้เจริญเติบโตบรรลุเป้าหมาย ให้บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนางงามโลกให้สำเร็จ รวมทั้งบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

รายได้ปีละ 300 ล้าน

สำหรับโครงสร้างรายได้ของ MGI สำหรับปี 2562-2564 พบว่ามีจำนวน 132.4 ล้านบาท 338.8 ล้านบาท และ 345 ล้านบาท ตามลำดับ โดยล่าสุดงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 222 ล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

สำหรับกำไรสุทธิของ MGI สำหรับปี 2562-2564 พบว่ามีจำนวน 10.79 ล้านบาท 44.81 ล้านบาท และ 29.01 ล้านบาท ตามลำดับ โดยล่าสุดงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยธุรกิจพาณิชย์ ทำรายได้หลัก ตามมาด้วยธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ และธุรกิจสื่อและบันเทิง และสุดท้ายเป็นธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน ส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่น ประกอบด้วย รายได้ค่าขนส่ง รายได้จากการบริจาคในช่องทาง Facebook

ปิดสิ้น 30 ก.ย. 2565 มีสินทรัพย์รวม 196.36 ล้านบาท หนี้สินรวม 76.21 ล้านบาท มีหนี้สินต่อทุน (DE) อยู่ที่ 0.82 เท่า มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 59.30%