หุ้นค้าปลีกปีมังกรกำไรพุ่ง ลุ้น “แจกเงินดิจิทัล” อิมแพ็กต์แรง

หุ้นค้าปลีก

ธุรกิจค้าปลีกทยอยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง หลังจากพ้นจากช่วงวิกฤตโควิด-19 มา ซึ่งในปี 2566 กำลังซื้อประชาชนอาจจะดูแผ่วไปบ้าง เนื่องจากประชาชนมีการจับจ่ายกันไปมากในช่วงที่ผ่อนคลายจากมาตรการโควิดตอนแรก ๆ รวมถึงเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่ก็ยังเป็นภาพการฟื้นตัว และมองไปข้างหน้าในปี 2567 ก็น่าจะมีหลาย ๆ ปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับหุ้นค้าปลีกหลาย ๆ ตัว

กำไรสุทธิโตต่อเนื่อง ปี’66-67

โดย “ธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์” ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์กำไรสุทธิหุ้นค้าปลีก 7 บริษัท ว่าในปี 2567 กำไรจะเร่งตัวขึ้น 20% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ไปแตะระดับ 5.9 หมื่นล้านบาท จากปี 2566 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิรวมกันที่ 4.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% YOY อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 4/2566 อาจจะออกมาโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

สำหรับ 7 บริษัทที่ว่า ได้แก่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT, บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL และบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO

มาตรการรัฐหนุนค้าปลีกปีมังกร

โดยในปี 2567 ธุรกิจค้าปลีกจะได้แรงสนับสนุนจากมาตรการ Easy e-Receipt ที่ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567 ไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

“ธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จาก Easy e-Receipt คือ กลุ่มที่ขายสินค้าที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง ทั้ง CRC, HMPRO รวมไปถึงกลุ่มมือถือ และค้าปลีกที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยแม้มาตรการจะจบลงในช่วงกลางเดือน ก.พ. แต่พอถึงเดือน เม.ย. จะเป็นไฮซีซั่นเทศกาลสงกรานต์ และจากนั้นในช่วงเดือน พ.ค. ก็น่าจะเห็นความชัดเจนของมาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ซึ่งหากมาตรการนี้อนุมัติออกมาได้จริง เชื่อว่าจะเป็นตัวเร่งสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มค้าปลีกได้ แต่ตอนนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่”

ลุ้น “เงินดิจิทัล” อิมแพ็กต์แรง

“ธรีทิพย์” กล่าวอีกว่า ฝ่ายวิจัยมองว่า มาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต จะเป็นบวกกับหุ้นค้าปลีกมากกว่า Easy e-Receipt เนื่องจากมาตรการ Easy e-Receipt ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม และโฟกัสการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เสียภาษีเท่านั้น ขณะที่เงินดิจิทัลวอลเลตครอบคลุมประชาชนได้มากกว่า ส่วนแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวก็ยังเป็นปัจจัยหนุนทางอ้อม ที่คาดว่าน่าจะเติบโตได้มากกว่าปี 2566 ที่ผ่านมา

โดยปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่เติบโตได้ มาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว การบริโภคที่กลับมาใช้ชีวิตค่อนข้างปกติ โดยจะเห็นการเติบโตทางด้านรายได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม บางบริษัทกำไรอาจโตได้น้อย เมื่อเทียบกับรายได้ ซึ่งเป็นแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วย อย่างเช่น DOHOME, GLOBAL เป็นต้น โดยมีการคาดการณ์ว่ากำไรปี 2566 จะปรับตัวลดลง เนื่องจากผลกระทบจากราคาสินค้ากลุ่มเหล็ก รวมถึงงบประมาณที่ล่าช้า ส่งผลให้โครงการภาครัฐมีการเบิกจ่ายที่ชะลอตัว

ตาราง กำไรสุทธิ

“ปีที่ผ่านมาการจัดตั้งรัฐบาลและงบประมาณปี 2567 มีความล่าช้า รวมไปถึงมาตรการภาครัฐต่าง ๆ ที่ยังออกมาได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้การบริโภคในปีที่ผ่านมา อาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับต้นปี 2567 จะมีมาตรการ Easy e-Receipt ทำให้ช่วงปลายปี 2566 ผู้บริโภคที่ไม่ได้มีความต้องการเร่งด่วน จึงมีแนวโน้มชะลอการจับจ่าย เพื่อจะซื้อสินค้าและบริการในต้นปี 2567 แทน”

CRC-HMPRO อานิสงส์คืนภาษี

สำหรับหุ้นค้าปลีกที่มีความโดดเด่น “บล.กสิกรไทย” มองว่า ได้แก่ CPALL คาดกำไรโต 30% YOY, CRC คาดกำไรโต 9% YOY และ HMPRO คาดกำไรโต 11% YOY ขณะที่กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน กำไรอาจไม่ค่อยดีนักในปีที่ผ่านมา แต่หวังว่าปี 2567 จะดีขึ้น

ขณะที่ “นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีพัฒนสิน” ประเมินว่า หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบาย Easy e-Receipt หลัก ๆ ได้แก่ CRC, HMPRO เนื่องจากนโยบายเน้นกลุ่มที่เสียภาษี ซึ่ง 2 กลุ่มนี้จะเน้นลูกค้าที่เสียภาษีอยู่แล้ว นอกจากนี้ กลุ่มที่ขายสินค้าที่ครอบคลุม รวมไปถึงร้านที่ขายหนังสือออนไลน์ ก็จะได้ประโยชน์

“บล.กรุงศรีพัฒนสิน” ประเมินด้วยว่า ในปี 2567 การเติบโตของหุ้นค้าปลีกนั้นจะเร่งตัวขึ้นได้มากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปี 2566 การเติบโตเบาบางลงจากถูกแรงกดดัน ทั้งเรื่องสุญญากาศทางการเมือง และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้งบประมาณล่าช้า จึงทำให้ภาพครึ่งหลังปี 2566 ที่ผ่านมา แผ่วลงกว่าที่ควรจะเป็น

ปี’67 สัญญาณบวกเพียบ

นอกจากนี้ ในปี 2567 จะเริ่มเห็นสัญญาณมาตรการของภาครัฐที่มีมากขึ้น จึงคาดกำไรกลุ่มค้าปลีก 8 บริษัท คือ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL, HMPRO และบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ภาพรวมจะเติบโตได้ 26% YOY จากปี 2566 ที่คาดว่าจะโตได้ 8%

โดยจะได้แรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวที่คาดนักท่องเที่ยวเร่งตัวขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นของรัฐ เช่น นโยบาย Easy e-Receipt, ดิจิทัลวอลเลต, การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ประกอบกับต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยเฉลี่ยที่ต่ำกว่าปี 2566 และการปรับตัวของผู้ประกอบการที่มีพัฒนาการดีอย่างต่อเนื่อง

“DOHOME” ส่อโตก้าวกระโดด

ทั้งนี้ “บล.กรุงศรีพัฒนสิน” ชี้ว่า คาดว่า DOHOME จะมีกำไรเติบโตก้าวกระโดด เพิ่มขึ้น 98% YOY โดยคาดกำไรอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท จากปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท

“ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มค้าปลีก โดยเลือก DOHOME ราคาเป้าหมายที่ 12.80 บาท เป็น Top Picks ของกลุ่ม ในระยะสั้น-กลาง จากกำไรครึ่งปีแรกของปีที่จะโตเด่นสุด ตามด้วย CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 76 บาท จากธุรกิจ 7-Eleven ที่โตทั้งในประเทศ และการต่อยอดไปประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา และ สปป.ลาว ส่วนบริษัทลูกอย่าง CPAXT กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว”