ดร.นิเวศน์ อ่านเทรนด์หุ้นไทย ฉากใหม่ปี 2567 ถึงเวลา “ปรับพอร์ต”

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

“ปี 2567 เรียกได้ว่า จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟูของภาพเศรษฐกิจไทย และเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของภาพตลาดหุ้นไทย” เสียงสะท้อนจาก “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนรายใหญ่ ต้นแบบนักลงทุนสายเน้นคุณค่า (Value Investor) ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” สะท้อนมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปีมังกร

หลังปี 2566 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยทำสถิติสุดแย่ ผลตอบแทนติดลบ ต่ำเกือบที่สุดในโลก โดยติดลบไปถึง 15.99% (ณ สิ้นวัน 27 ธ.ค. 66) จากต้นปีเดือน ม.ค. ดัชนี SET วิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีที่ 1,691.41 จุด แต่ก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากนั้น กระทั่งทำจุดต่ำสุดที่ 1,357.97 จุด เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ซึ่งปีนี้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิหุ้นไทยไปเกือบ 2 แสนล้านบาท เรียกได้ว่าสูงเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว

ทั้งนี้ “ดร.นิเวศน์” นับเป็นกูรูหุ้นที่มีนักลงทุนติดตามการแสดงความคิดความเห็นมาตลอด โดยบทความที่เขียนทุกสัปดาห์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แม้ว่าปัจจุบันเจ้าตัวจะไม่ค่อยลงทุนเพิ่มในหุ้นไทยแล้ว เพราะหันไปเน้นลงทุนที่ตลาดหุ้นเวียดนาม แต่หุ้นที่ถืออยู่ใน SET ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ถือมากจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกเท่านั้น

ปีแห่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย

ดร.นิเวศน์กล่าวว่า ปี 2567 จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟูภาพเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าตัวเลขอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ (GDP) จะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2566 ที่ตกต่ำหนัก เหลือโตแค่ระดับ 2% โดยปี 2567 จะได้แรงหนุนมาจาก 4 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.การท่องเที่ยวค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

สอดรับมาตรการฟรีวีซ่า 2.มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ การแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต เป็นต้น แต่ถ้าไม่มีมาตรการนี้ก็อาจจะมีมาตรการอื่นเข้ามากระตุ้นแทน 3.การส่งออก ที่คาดว่าในกรณีเลวร้ายสุดจะแค่ทรงตัว ๆ ซึ่งถือว่าไม่ได้แย่

และ 4.ดอกเบี้ยกลับเข้าสู่ขาลง คาดว่าปี 2567 น่าจะเห็นทิศทางดอกเบี้ยลดลงตามต่างประเทศ ประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่มีเหตุผลที่จะต้องคงดอกเบี้ยสูง เพราะเงินเฟ้อไทยต่ำ

รัฐบาลกระตุ้นธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ดร.นิเวศน์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เห็นชัดว่ารัฐบาลชุดนี้มุ่งเน้นด้านธุรกิจและเศรษฐกิจค่อนข้างจะคึกคัก และนายกรัฐมนตรีที่วางตัวเป็น “เซลส์แมน” ออกไปนำเสนอขายจุดเด่นประเทศไทยให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ซึ่งช่วยเรื่องความมั่นใจได้มากขึ้น

“พูดง่าย ๆ ว่าเขามีแอ็กชั่นเยอะ อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการช่วยเรื่องความมั่นใจ ให้กับคนที่สนใจเห็นว่าประเทศไทยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งในการลงทุน ซึ่งผมมองว่าช่วยฟื้นฟูภาพของเรา
ที่ไม่มีใครคุยด้วยในอดีต ในเรื่องของการทำสัญญาการค้าที่ไม่มีใครตอบรับ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีมาบ้าง แม้จะยังไม่มาก แต่เห็นความพยายามอยู่”

ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้

สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยปี 2567 ดร.นิเวศน์กล่าวว่า เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ และเรื่องทิศทางดอกเบี้ยจะสนับสนุนให้ SET Index ฟื้นตัวดีขึ้นได้ และเนื่องด้วยปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยแย่เกือบจะที่สุดในโลก ในขณะที่ตลาดหุ้นอื่นปรับตัวดี

“ในทางเทคนิคแล้วตลาดหุ้นมักจะไม่ติดลบหนัก ๆ ติดต่อกัน 2 ปีจากสถิติส่วนใหญ่ก็มักจะปรับตัวขึ้นได้ ถ้าให้คาดการณ์ดัชนีคงพอไปได้ในระดับ 1,530 จุด”

คาดกำไร บจ.ทะลุ 1 ล้านล้าน

ขณะที่ภาพผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) “กูรูวีไอ” กล่าวว่า เชื่อว่ากำไร บจ.จะกลับไปยืนที่ระดับ 1 ล้านล้านบาทได้ ทั้งนี้ ในกรณีที่เศรษฐกิจไทยเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ SET Index อย่างมาก เพราะปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปเกือบ 2 แสนล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่าพอขายไปถึงจุดหนึ่งก็น่าจะพอ และยังมีบรรดากองทุนทั่วโลกที่กระจายความเสี่ยงลงทุน ซึ่งยังมี exposure ในตลาดหุ้นไทย

“ตอนนี้ถือว่าราคาหุ้นไทยไม่แพง แล้วก็เชื่อว่ายังพอมีแรงซื้อจากนักลงทุนไทยอยู่”

ปรับพอร์ตหุ้นไทยหนีขาดทุน

ดร.นิเวศน์กล่าวด้วยว่า ในปีที่ผ่านมาผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของตนเอง คาดว่าโอกาสขาดทุนมีมากกว่าจะกำไร โดยน่าจะติดลบ ส่วนปี 2567 อาจจะเป็นฉากใหม่ที่จะมีการปรับพอร์ตไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น แต่เพื่อไม่ให้กระทบเรื่องการจัดเก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศ ก็มีแผนว่าจะเน้นลงทุนผ่านกองทุนรวม เช่น หุ้น 7-10 ตัวเด่น ๆ หรือลงทุนตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่เป็นหุ้นไฮเทค

“ตอนนี้อยู่ระหว่างจะปรับพอร์ตใหม่ รอจังหวะหุ้นขึ้นมา ก็อาจจะเพิ่ม exposure ในต่างประเทศ ซึ่งไปได้ทั่วโลก อย่างเช่น อินเดียก็เริ่มมาแรง ส่วนหุ้นไทยต้องยอมรับว่า หลัง ๆ ลงทุนน้อยลง ตอนนี้ต้องคิดหาทางออก ว่าจะทำอย่างไร ที่จะทำให้พอร์ตกลับมาดีขึ้นได้

อย่างไรก็ดี ถ้าเราไปลงทุนต่างประเทศเองโดยทางตรง ภาษีกำไรหุ้นจากต่างประเทศจะกินหนัก ก็ต้องเปลี่ยนไปซื้อ DR ที่เป็นตัวแทนในหุ้นต่างประเทศ หรือกองทุนรวมที่ลงทุนต่างประเทศแทน” กูรูวีไอกล่าว