คำถามที่ว่า ปี 2567 นี้ จะเป็นปี “มังกรทอง” หรือไม่ คงอยู่ในใจนักลงทุนหลาย ๆ คน เนื่องจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่างยังไม่คลี่คลาย ซึ่งก็คงต้องฟังจากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ในเครือยานแม่ บมจ.เอสซีบีเอกซ์ (SCBX) ได้จัดงานแถลง “แนวโน้มเศรษฐกิจ 2024 และ กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1/2024” หัวข้อ “2024 ปีมังกรทอง หรือ มังกรพ่นพิษ? เศรษฐกิจยังไม่นิ่ง…ดอกเบี้ยขาลง? อะไรคือโอกาส?”
ลุ้นดิจิทัลวอลเลตดัน GDP
“ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์” นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน InnovestX วิเคราะห์ว่า ช่วงครึ่งปีแรก ปี 2567 เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะลดดอกเบี้ย 1% โดยคาดสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยเฟดจะอยู่ที่ 4.40% สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยแรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่ยังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะเงินฝืด
“ส่วนเศรษฐกิจไทยมองว่ามาตรการเงินดิจิทัลวอลเลตจะเป็นปัจจัยสำคัญ หากเกิดขึ้น จะส่งผลให้ GDP ปีนี้ขยายตัวได้ 4.1% แต่หากมาตรการไม่ผ่าน GDP จะขยายตัวได้เพียง 3.2% อย่างไรก็ดี ยังเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ทิศทางเงินเฟ้อไทยคาดว่าจะอยู่ในแดนลบในช่วงไตรมาส 1/2567 ซึ่งอาจเปิดช่องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยได้ช่วงกลางปี”
ปีแห่งการลงทุนแบบ “VI”
ขณะที่ “สุกิจ อุดมศิริกุล” กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย InnovestX กล่าวว่า ในส่วนมุมมองตลาดหุ้นไทย เชื่อมั่นว่าปีนี้ SET Index ยังคง Under Value อยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นขนาดใหญ่ ประเมินจากผลประกอบการและราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นไปมากกว่าค่าเฉลี่ยที่เคยเป็น จึงมองว่าปีนี้จะเป็นปีของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI)
โดยสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทย ตอนนี้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ซึ่งมาจากทั้งปัจจัยต่างประเทศและปัจจัยภายในประเทศ และความกังวลบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ มีน้ำหนักกดดันให้นักลงทุนชะลอการลงทุนไปมาก ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยไม่สามารถวิ่งขึ้นแรงได้ และไม่สามารถทำให้พื้นฐานหุ้นที่ดีไปสะท้อนราคาหุ้นเพิ่มขึ้นตามปัจจัยพื้นฐานได้
“สถานการณ์แบบนี้อยู่ในช่วง “วิกฤตศรัทธา” แต่อย่างไรก็ตาม ทำให้เกิดโอกาสของการลงทุนระยะยาว โดยเราเชื่อว่าปีนี้ทั้งปีเป็นปีที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน แต่ช่วงปลายปี เชื่อว่าโอกาสของความผันผวนจะลดลง และโอกาสที่ราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้น และปัจจัยพื้นฐานดูดี จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้”
ดัชนี 1,700 จุด-บจ.กำไรโต 17%
“สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา” นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน InnovestX กล่าวว่า ภาพตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 1/2567 จะยังคงมีความผันผวนอยู่ ทั้งจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) วิกฤตศรัทธาความเชื่อมั่น ความกังวลหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้ และ ความหวังมาตรการเงินดิจิทัลที่ลดลง ขณะที่ไตรมาส 2-3 น่าจะเห็นการปรับตัวดีขึ้น ประเมินว่า ถ้าเฟดลดดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นไทยฟื้นตัว และความกังวลหุ้นกู้น่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น
“เราประเมินเป้าหมาย SET Index สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,650-1,700 จุด โดยจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่บริเวณ 1,400-1,450 จุด ประเมินจากตลาดหุ้นไทยไม่มีดาวน์ไซด์มากแล้ว โดยเน้นโฟกัสหุ้นที่มีคุณภาพและการฟื้นตัวของผลประกอบการ ทั้งนี้ ประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้จะเติบโต 17%”
4 ปัจจัยเสี่ยงป่วนปีมังกร
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามในปีนี้ “สิทธิชัย” กล่าวว่า มีด้วยกัน 4 เรื่อง คือ 1.ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ โดยยังมองไม่เห็นแนวโน้มคลี่คลายของความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และในอิสราเอล ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐ มีแนวโน้มดีขึ้น
แต่นโยบายที่มีอยู่ยังไม่ได้ทําให้ผลกระทบลดลง การเลือกตั้งไต้หวัน และการเลือกตั้งสหรัฐ จะเป็นตัวกําหนดทิศทางความสัมพันธ์จีนและสหรัฐ รวมถึงความขัดแย้งในประเทศเมียนมาเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุด
2. ความเสี่ยงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยในยุโรปมีความเสี่ยงมากที่สุด ส่วนในสหรัฐมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากกำลังซื้อที่ลดลง และในฝั่งเอเชียค่อนข้างจํากัด แต่จะเผชิญกับปัญหาการชะลอตัวเช่นกัน 3.ความเสี่ยงจากภาวะดอกเบี้ยสูง และ 4.ความเสี่ยงของภาคธนาคารในจีน ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจจีนซึมในระยะยาว
ดอกเบี้ยขาลงแนะลงทุนบอนด์
ส่วน “สุทธิชัย คุ้มวรชัย” นักวิจัยการลงทุนอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน InnovestX กล่าวว่า สินทรัพย์ที่น่าลงทุนปีนี้ คือ ตราสารหนี้คุณภาพสูง ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับ Investment Grade ขึ้นไป จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ลดลงในอนาคต และแนะนำลงทุนในหุ้นเอเชียรวมถึงหุ้นไทยจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
ขณะที่การลงทุนในหุ้นโลกช่วงไตรมาส 2/2567 เริ่มกลับมาดีขึ้นตามเศษฐกิจที่เริ่มฟื้น โดยจะเน้นไปในหุ้น Value และ Cyclical รวมถึงแนะนำกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ และ REITs