ทิสโก้ กางแผนธุรกิจมั่งคั่งปี’67 สินทรัพย์-ลูกค้าโต 10-15% ชู My Goal วางแผนการเงิน

My Goal

ธนาคารทิสโก้ กางกลยุทธ์ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ตั้งเป้าเติบโตลูกค้า-สินทรัพย์ AUM 10-15% ต่อปี ระบุมีสินทรัพย์ 2.3 แสนล้านบาท ฐานลูกค้า 1.3 แสนราย แนะลูกค้าจัดพอร์ตลงทุนตามความเสี่ยง “ตราสารหนี้-กองทุนต่างประเทศ” คาดผลตอบแทนเสี่ยงกลาง 5-7% ล่าสุด พัฒนา TISCO My Goal โปรแกรมวางแผนการเงินครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์

วันที่ 18 มีนาคม 2567 นายพิชา รัตนธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ธุรกิจธนบดี และบริการธนาคาร ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานธุรกิจความมั่งคั่ง (Wealth Management) ในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตทั้งในส่วนของลูกค้ารายใหม่และรายเดิม รวมถึงสินทรัพย์ภายใต้บริหารจัดการ (AUM) และรายได้จากธุรกิจความมั่งคั่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15% ต่อปี

พิชา รัตนธรรม
พิชา รัตนธรรม

ทั้งนี้ กลยุทธ์ธนาคารจะร่วมกับพันธมิตร (Partner) ในการเสนอขายผลิตภัณฑ์การลงทุน ประกันสุขภาพ และกองทุนในการนำเสนอลูกค้า โดยจะแนะนำการลงทุนให้เหมาะสมกับลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าที่ต้องการเพิ่มการลงทุนผ่านการเป็นที่ปรึกษา Advisory ในการปรับพอร์ตการลงทุน ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวน

ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่สามารถยอมรับความเสี่ยงปานกลาง จะแนะนำลูกค้าลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งให้ผลตอบแทนปานกลางเฉลี่ย 5-7% และในกลุ่มที่รับความเสี่ยงสูงแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่ม Heath Care หรือหุ้นต่างประเทศที่สอดรับกับการเติบโตกับเมกะเทรนด์ โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 15-20%

โดยปัจจุบันธนาคารมียอดสินทรัพย์ภายใต้การบริการจัดการ หรือ AUM อยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ประมาณ 75-80% ของพอร์ต AUM มีเงินฝากและการลงทุนเฉลี่ยตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารมีฐานลูกค้า Wealth Management ทั้งหมดอยู่ที่ 1.3 แสนราย โดยธนาคารตั้งเป้าเติบโต 10-15% ต่อปี

“เราตั้งเป้าเติบโตลูกค้ามั่งคั่งเฉลี่ยปีละ 10-15% ทั้งการขยายฐานลูกค้า และ AUM โดยจุดแข็งยังคงเป็นการนำเสนอโปรดักต์ที่ไม่ใช่เฉพาะของธนาคาร แต่ยังมีการเสนอโปรดักต์พันธมิตร เพื่อให้ลูกค้าใหม่เห็นและลูกค้าเก่าขยายการลงทุนเพิ่ม”

ล่าสุด ธนาคารได้พัฒนา TISCO My Goal โปรแกรมวางแผนการเงินที่ครอบคลุมทั้งกองทุน ประกัน เงินฝาก รวมถึงวางแผนมรดกให้แก่ทายาท ซึ่งจะเป็นเครื่องมือช่วยให้เจ้าหน้าที่ธนกิจส่วนบุคคล (RM) นำไปใช้ออกแบบแผนการเงินเพื่อการเกษียณให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย โดยจะใช้ข้อมูลจาก 3 ส่วนเข้ามาช่วยในการวางแผน

ได้แก่ 1.เป้าหมายค่าใช้จ่ายทั่วไปหลังเกษียณของแต่ละคน 2.ค่าใช้จ่ายสำคัญหลังเกษียณ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ กรณีเกิดโรคร้ายแรง โดยคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งกรณีการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ให้ลูกค้าเลือกได้ว่าเมื่อเกษียณแล้วต้องการรักษาที่โรงพยาบาลประเภทใด

3.การส่งต่อทรัพย์สินให้ทายาท ให้คำแนะนำว่าจะวางแผนอย่างไรหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น พร้อมเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้การวางแผนการเงินประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทางไปสาขา หรือต้องการวางแผนการเงินเบื้องต้นสามารถใช้งานโปรแกรม TISCO My Goal ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แอปพลิเคชั่น TISCO My Wealth เว็บไซต์ TISCO Wealth และ LINE OA : TISCO Advisory

“ธนาคารทิสโก้พบว่าโปรแกรมวางแผนการเงินในปัจจุบัน เน้นแต่เรื่องการออมเงินและลงทุนอย่างไรให้มีเงินก้อนก่อนเกษียณที่เพียงพอ แต่ยังมีช่องว่างเรื่องการวางแผนด้านค่าใช้จ่ายสุขภาพ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่มักจะเกิดขึ้นในชีวิตหลังเกษียณ รวมทั้งอาจจะลืมคำนึกถึงกระแสเงินสดหลังเกษียณที่สามารถสร้างได้ด้วยประกันบำนาญ

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้วางแผนเกษียณมักจะยอมลดคุณภาพชีวิตหลังเกษียณของตัวเองลงเพื่อลดจำนวนเงินที่ตัวเองต้องเก็บออมก่อนเกษียณ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วชีวิตหลังเกษียณเราอาจยังต้องการใช้ชีวิตที่เทียบเท่ากับช่วงชีวิตที่ทำงานมีรายได้อยู่ ดังนั้น โปรแกรมนี้จะเข้ามาช่วยออกแบบแผนการเงินให้เป็นไปตามความเป็นจริงและเป็นไปตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากที่สุด และสำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงต้องการส่งต่อมรดกให้แก่ทายาท โปรแกรมนี้ก็จะช่วยแนะนำให้ท่านวางแผนส่งต่อมรดกแบบไร้รอยต่อและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบริหารจัดการภาษีมรดกอีกด้วย” นายพิชากล่าว

นอกจากนี้ ยังยกระดับบริการด้วยสาขารูปแบบใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Advisory Branch โดดเด่นด้วยบริการปรึกษาแผนการเงินด้วยเจ้าหน้าที่ที่มีคุณวุฒิ AFPT™ ซึ่งเป็นสาขาที่จะช่วยลูกค้าออกแบบแผนการเงินเฉพาะบุคคล สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจอยากต่อยอดเงินล้าน มีกิจกรรมให้ความรู้ด้านการเงิน รวมถึงกิจกรรมให้ความรู้ด้านสุขภาพ และกิจกรรมด้านไลฟ์สไตล์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบโจทย์ความเป็น Holistic Advisory หรือแบบองค์รวม และยกระดับการบริการด้านการวางแผนเกษียณ

โดยมีเป้าหมายให้บริการที่สาขาสำนักงานใหญ่เป็นสาขานำร่องซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2567 นี้ และหลังจากนี้จะขยาย Advisory Branch ไปยังสาขาต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง ซึ่งต้องการทางเลือกการออม การลงทุนที่มีความหลากหลาย รวมทั้งต้องการวางแผนชีวิตในด้านอื่น ๆ มากขึ้น

ด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดี (Good Product) ซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญที่จะช่วยให้แผนการเงินของลูกค้าประสบความสำเร็จนั้น ธนาคารทิสโก้มีโมเดลธุรกิจ Open Architecture สามารถคัดเลือกและเสนอขายผลิตภัณฑ์การเงินจากหลากหลายบริษัท โดยปัจจุบันเสนอขายผลิตภัณฑ์กองทุนจาก 14 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และ 8 บริษัทประกันชั้นนำ ทำให้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์การเงินที่เป็นจุดแข็งของแต่ละบริษัทมานำเสนอลูกค้าได้

“การจะเป็น Advisory Bank ที่ดีให้กับลูกค้าได้นั้นต้องไม่จำกัดเรื่องการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากบริษัทใดบริษัทหนึ่งเท่านั้น เพราะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแต่ละแห่ง และบริษัทประกันแต่ละรายล้วนแต่มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน และไม่มีที่ไหนทำได้ดีที่สุดหรือเก่งที่สุดได้ตลอดเวลา

ธนาคารทิสโก้มั่นใจว่าด้วยโมเดลธุรกิจ Open Architecture ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินแบบไม่จำกัดค่าย ผสานกับบทวิเคราะห์ จากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) และบทวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ประกัน ผลิตภัณฑ์กองทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นจากทีม Wealth Advisory รวมทั้งการให้คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ RM ที่แนะนำโดยใช้ความต้องการของลููกค้า (Customer Focus) เป็นตัวตั้งจะทำให้แผนการเงินของลูกค้ามีประสิทธิภาพสูงสุด” นายพิชากล่าว