แนวโน้ม SET ในเดือน พ.ค.กรอบบนยังจำกัด

settt
คอลัมน์ : เติมความคิดพิชิตลงทุน
ผู้เขียน : เอกภาวิน สุนทราภิชาติ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET เดือน เม.ย.ลงไปทำจุดต่ำใหม่ในรอบเกือบ 3 ปีครึ่ง ด้วยปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ จากความกังวลสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจปรับลดดอกเบี้ยช้ากว่าที่คาดไว้เดิม กดดันให้ SET ร่วงลงอย่างรุนแรงกว่า 80 จุด ดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,330 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2563

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเริ่มฟื้นตัว เนื่องด้วยสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มบรรเทา และ Sentiment บวกของตลาดหุ้นสหรัฐจากแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดี หนุน SET ฟื้นตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,370 จุด ด้านนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในเดือน เม.ย.อยู่ที่ 3,900 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้ม SET ในเดือน พ.ค. คาดยังมีกรอบบนจำกัดที่แนวต้าน 1,380-1,400 จุด และในภาพรวมยังต้องระมัดระวังด้าน Downside โดยมีปัจจัยกดดันจาก 1) แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตต่ำ โดยล่าสุดในเดือน มี.ค. 2567 ไทยมีมูลค่าส่งออก 2.50 หมื่นล้านเหรียญ ลดลง 10.9%YOY ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

ทำให้กระทรวงการคลังคาดเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวลดลงจากเดิม 2.8% เป็น 2.4% เหตุจากส่งออกหดตัวกว่าที่คาด การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัว เกษตรได้รับผลกระทบภัยแล้ง และคลังเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ล่าช้า

2) ความเสี่ยงด้านนโยบายการเงิน หลังเฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยล่าช้า โดยตลาดมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ในช่วงปลายปี จากเดิมที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ทั้งผลการประชุมวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา มีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด และประกาศลดวงเงินมาตรการ QT ตั้งแต่ มิ.ย. 2567 ขณะที่ประธานเฟดส่งสัญญาณเฟดจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยยังไม่เกิดขึ้น หลังอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันยังสูงกว่าเป้าหมายของเฟดอย่างมาก

Advertisment

3) ความเสี่ยงด้านปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับการสู้รบในตะวันออกลาง ซึ่งอาจเกิดความตึงเครียดได้เป็นระยะ แม้ล่าสุด อิสราเอลและกลุ่มฮามาสอาจบรรลุข้อตกลงหยุดยิง หลังสหรัฐและอียิปต์พยายามผลักดันให้มีการเจรจารอบใหม่

และ 4) ช่วงเวลาขึ้น XD จำนวนมากของบริษัทจดทะเบียน ทำให้ปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ที่กล่าวสร้างโอกาสให้ในเดือน พ.ค.เกิด Sell in MAY โดยผมมองกรอบล่างของ SET อยู่ที่ 1,330 และ 1,300 จุด ตามลำดับ ส่วนกรณี SET จะกลับมาเป็นสัญญาณบวกต้องขึ้นทะลุบริเวณ 1,411 จุดก่อน

ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นไทยที่ยังอยู่ในภาวะเปราะบาง โดยมอง SET เกิดสัญญาณเชิงลบและเปิด Downside Risk หลังจากลงมาทำจุดต่ำใหม่ แม้จะฟื้นตัวสลับได้บ้าง แต่ยังคงมี Upside จำกัด อย่างไรก็ตาม หากปรับตัวลงมาใกล้บริเวณ 1,300 จุด ผมมองว่า Downside จะเริ่มจำกัด เนื่องจาก SET ระดับดังกล่าวจะมีความน่าสนใจทางด้านมูลค่าพื้นฐาน

เนื่องจากหากอิงกำไรตลาดในปีนี้ และดัชนีบริเวณ 1,300 จุด SET จะเทรดที่ P/E ระดับ 14 เท่า หรืออยู่ที่ระดับ -1 S.D. แล้ว เมื่อเทียบกับค่า P/E เฉลี่ย ดังนั้น แม้แนวโน้ม SET ในเดือน พ.ค.ยังมองกรอบบนยังถูกจำกัด และมีความเสี่ยงด้าน Downside อยู่

Advertisment

อย่างไรก็ตาม กลับมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้น โดยเฉพาะบริเวณใกล้ 1,300 จุด ด้วยความน่าสนใจด้านมูลค่าพื้นฐาน และคาดว่า SET ใกล้ Bottom แล้ว โดยคาดตลาดจะมีแนวโน้มที่ดีในครึ่งปีหลัง ด้านกลยุทธ์การลงทุนยังคงใช้การ Selective Buy เข้าซื้อในหุ้นที่มีปัจจัยเด่นเฉพาะใน 3 ธีม ได้แก่

1) หุ้นเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q67 ซึ่งคาดจะมีการเติบโตที่ดี YOY เลือก HMPRO TRUE GFPT KCE TOP และ 2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือกหุ้นการแพทย์ (BDMS BCH) หุ้นขนส่งทางบก (BEM) หุ้นค้าปลีก (CPALL CPAXT) หุ้นสื่อสาร (ADVANC) หุ้นอสังหาฯ ปันผลดี (AP)

…แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี