ตามที่กระทรวงการคลัง กำลังพิจารณานำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมากระตุ้นตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดย “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ยืนยันเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ทำให้ได้รับเสียงเชียร์จากภาคตลาดทุนอย่างเต็มที่
ปลุก LTF กระตุ้นตลาดหุ้นไทย
โดย “พจน์ หะริณสุต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ภายในสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กำลังหารือเรื่องการนำกองทุน LTF กลับมา ซึ่งเงื่อนไขที่คาดหวังยังไม่ตกผลึก แต่หากเหมือนเดิมจะดีมาก
“หลังจากได้ข้อสรุปภายในสมาคม บลจ.แล้ว จะนำไปหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ก่อน ถึงจะนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และหลังจากนั้นก็จะเข้าไปเสนอกระทรวงการคลัง”
เอกชนขอเงื่อนไขเหมือนเดิม
“สาห์รัช ชัฏสุวรรณ” รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า การนำกองทุน LTF กลับมา จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ซึ่งเงื่อนไขก็อยากให้เป็นเหมือนเดิม คือ ระยะเวลาถือครอง 7 ปีปฏิทิน อย่างไรก็ดี มองว่าควรพิจารณากองทุน LTF เดิมที่ทยอยหมดอายุ เพราะปัจจุบันเม็ดเงินของ LTF เดิม ไหลออกไปทุกเดือน ซึ่งหากมีการยืดระยะเวลาให้ LTF เดิมที่หมดอายุออกไป บลจ.ก็ไม่ต้องออกกองใหม่ และสามารถทำต่อเนื่องได้เลย
“ถ้ากลับมาได้ทันปีนี้ จะเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดการกองทุนลงทุนได้มากขึ้น”
ลดหย่อนภาษีต้อง 5 แสน
ขณะที่ “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า เงื่อนไขสำคัญหากจะนำ LTF กลับมา ก็คือ 1.ต้องเน้นลงทุนในหุ้นไทยเท่านั้น ซึ่งไม่ติดขัดหากจะให้ลงทุนเฉพาะหุ้นยั่งยืน เพราะมีให้เลือกลงทุนกว่า 200 บริษัท แนวทางนี้มีความเหมาะสมเรื่องการสร้างเงินออมในตลาดหุ้นได้ และจะมีเงินทุนไหลเข้ามาทันที
2.วงเงินลดหย่อนภาษีต้องเท่าเดิมที่ 500,000 บาทต่อปี (ไม่นับรวมกองทุนอื่น) เพราะพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ หรือถ้าให้มากกว่านั้นได้ก็จะยิ่งดี
“ถ้าลดหย่อนภาษี 500,000 บาทต่อปี เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในตลาดหุ้นได้อย่างน้อย ๆ ประมาณ 50,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ที่ให้วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่เวิร์ก เพราะมีเม็ดเงินเข้ามาไม่ถึงหมื่นล้าน”
และ 3.การถือครองต้องมีอายุแค่ 5 ปีเต็ม ซึ่งน่าจะเพียงพอในการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนในระยะยาวได้ ไม่จำเป็นต้องถือนาน 7 ปี หรือ 10 ปี
แนะกระตุ้นดีมานด์ปลุกตลาดหุ้น
“ไพบูลย์” กล่าวอีกว่า การจะกระตุ้นตลาดหุ้นไทยให้กลับมาคึกคักนั้น นอกจากมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ามาแล้ว จะต้องทำควบคู่ไปกับการทำให้ตลาดหุ้นมีความเชื่อมั่นกลับมามากขึ้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาพยายามจะแก้ฝั่งซัพพลาย แต่ไม่มีแรงกระตุ้นจากฝั่งดีมานด์ เหมือนในหลาย ๆ ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่แก้ฝั่งซัพพลาย ทำให้บริษัทมีรีเทิร์นที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนในหุ้นด้วย
“ถ้าเราสามารถกระตุ้นตลาดหุ้นไทยกลับขึ้นมาได้ เชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนก็จะดี และหนุนกำลังซื้อที่เข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น”
ชี้ควรแยกวงเงินจาก SSF-RMF
ฟาก “ชยนนท์ รักกาญจนันท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา กล่าวว่า ต้องการให้แยกวงเงิน LTF กับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) จะทำให้มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน
เนื่องจาก LTF เงื่อนไขเดิมคือ ลงทุนในหุ้นไทย ขณะที่ SSF และ RMF ลงทุนต่างประเทศได้ และเทียบแล้ว การลงทุนต่างประเทศมีแนวโน้มดูดีกว่า ซึ่งจะทำให้นักลงทุนใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีกระจายการลงทุนในต่างประเทศมากกว่า ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์
“ถ้าสามารถแยกวงเงินอย่างชัดเจน อย่าง RMF-SSF ลดหย่อนได้ 500,000 บาท และ LTF ออกมาอีก 500,000 บาท จะไม่มีผลกระทบ แต่หากรวมอยู่ในวงเงินเดียวกัน อาจจะไปแย่งกันเองกับ TESG ด้วย และจะไม่เกิดประโยชน์ในแง่ของผู้ที่มีสิทธิในการลงทุนได้มากนัก”
FETCO จ่อเข้าหารือคลัง
“ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า LTF เป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมมาก และที่สำคัญคือเงื่อนไข โดยกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) เงื่อนไขระยะเวลาในการถือ 10 ปี (Thai ESG) ถือ 8 ปี ส่วน LTF ถือแค่ 5 ปี
ดังนั้นจะเห็นว่านักลงทุนสนใจเงื่อนไขมากขึ้น จึงได้เตรียมหารือกับกระทรวงการคลังในเร็ว ๆ นี้ เพื่อปรับเงื่อนไขระยะเวลาลงทุนของกองทุน SSF ให้สั้นลงใกล้เคียงกับกองทุน LTF หรือยกเลิก SSF นำ LTF กลับมาใช้แทน พร้อมมองโอกาสขอปรับเงื่อนไขระยะเวลาลงทุนกองทุน Thai ESG สั้นลงจาก 8 ปี เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนให้สนใจมากขึ้น
“ในช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะหุ้นลงมาพอสมควร เป็นโอกาสที่จะเข้าสะสมระยะยาว ถ้าเราสามารถปรับ SSF ได้ ให้คล้ายกับ LTF ก็จะทำให้นักลงทุนมีโอกาสมากขึ้น โดยที่ LTF เป็นที่นิยมมากที่สุด ก็คือเงื่อนไขระยะสั้น”
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า การปัดฝุ่น LTF ยอมรับว่า มีประเด็นเรื่องรายได้ที่อาจจะหายไปหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งคงต้องรอให้กรมสรรพากรไปศึกษาดูผลกระทบและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ก่อนสรุปให้ รมว.คลัง พิจารณา
ลุ้นเงินใหม่เข้าตลาดหุ้น 2 หมื่นล้าน คนแห่ซื้อ Thai ESGX ใช้สิทธิภาษี
ส่อง ‘หุ้นร้านอาหาร’ หืดจับ ปี’68 สุดท้าทาย-ปรับตัวเพื่ออยู่รอด
ดร.นิเวศน์ เตือน ‘เก็บเงินสด’ หวั่นวิกฤตหุ้นรอบนี้ลากยาว
