ธปท. สั่งแบงก์เข้มเปิดบัญชีใหม่ “รายบุคคล” สกัดบัญชีม้า

ดารณี แซ่จู
ดารณี แซ่จู

ธปท.ยกระดับมาตรการสกัดบัญชีม้า หลัง 2 ปีสั่งอายัด 2 แสนบัญชี สั่งแบงก์ตรวจจับ “บัญชีเข้าข่ายต้องสงสัย” ระงับเปิดบัญชีใหม่-เข้มงวดตามระดับความเสี่ยงแบบ “รายบุคคล” พร้อมออกบริการทางเลือกให้ประชาชนคุมเสี่ยงโอนเงิน

วันที่ 13 มิถุนายน 2567 นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยทางการเงินมีความรุนแรงมากขึ้น โดยจากสถิติในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2565-2567) มีคดีภัยทางการเงินสะสมอยู่ที่ 5.4 แสนคดี

ซึ่งประมาณ 40% มาจากหลอกลวงการซื้อขายของออนไลน์ ขณะที่คดีหลอกโอนเงิน-กู้เงิน-ดูดเงินมีราว 3 แสนคดี แต่คดีแอปดูดเงินมีเพียง 4% ทั้งนี้ หากดูความเสียหายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 6.3 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ขณะที่การจับบัญชีม้าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าสามารถตรวจจับได้ราว 2 แสนบัญชี ซึ่ง 1 ใน 3 เป็นบัญชีเปิดใหม่ และมีการเปิดใช้งานภายใน 1 เดือน นอกจากนี้ พบว่าบัญชีม้ามีการโอนเงินต่อถึง 5 ทอด อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะสามารถตรวจจับบัญชีม้าได้จำนวนเยอะ แต่คาดว่ายังมีจำนวนบัญชีม้าอีกค่อนข้างมากที่ยังไม่สามารถจำกัดได้

ดังนั้น ธปท.จึงยกระดับมาตรการเพิ่มเติม 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คือ การยกระดับการจัดการบัญชีม้า โดยปรับจากการดำเนินการระดับ “บัญชี” เป็นระดับ “บุคคล” รวมถึงการจัดการบัญชีต้องสงสัยได้เร็วขึ้น และดำเนินการเข้มข้นขึ้นทั้งบัญชีในปัจจุบันและการเปิดบัญชีใหม่

โดยการกวาดล้างบัญชีม้าในระบบ ด้วยการจัดการทุกบัญชีในทุกธนาคารของเจ้าของบัญชีต้องสงสัย โดยธนาคารจะใช้ข้อมูลจาก 3 แหล่ง ได้แก่

ADVERTISMENT

1.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่จะมีการประกาศรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงเป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 4,000 ชื่อ

2.ระบบข้อมูล Central Fraud Registry (CFR) จะมีการแชร์ข้อมูลบุคคลที่มีความเสี่ยง เป็น “ม้าเทา” และเส้นทางการเงินของบัญชี โดยทุกธนาคารจะเห็นข้อมูลข้ามธนาคาร ภายใน 31 ก.ค. 67

ADVERTISMENT

และ 3.ข้อมูลบัญชีที่ธนาคารตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น บัญชีที่โอนเงินเข้า-ออกมูลค่าน้อยในเวลาสั้น ๆ หลายครั้งก่อนมีเงินโอนเข้า-ออกมูลค่าสูง เพื่อจัดระดับความเสี่ยงในการดำเนินการกับบัญชีเหล่านั้น ซึ่งทุกธนาคารจะมีมาตรฐานเดียวกัน เช่น การระงับการใช้บัญชีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทันที พิสูจน์ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามระดับความเสี่ยง ซึ่งจะทำให้การกวาดล้างบัญชีม้าทำได้ครอบคลุมและรวดเร็วขึ้น

และการเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดบัญชีใหม่ให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อป้องกันการเกิดบัญชีม้าใหม่ โดยธนาคารจะตรวจสอบความเสี่ยงของลูกค้าจากฐานข้อมูล 3 แหล่งข้างต้น หากพบลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงมาเปิดบัญชี ทุกธนาคารต้องดำเนินการตามระดับความเสี่ยงด้วยมาตรฐานเดียวกัน

เริ่มตั้งแต่ต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับเข้มข้น ไม่ให้เปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ ให้เปิดบัญชีแบบมีเงื่อนไข ไม่ให้ใช้บริการผ่านช่องทาง Mobile Banking ไปจนถึงการปฏิเสธไม่ให้เปิดบัญชีทุกช่องทาง ทั้งแบบออนไลน์และที่สาขา

สำหรับมาตรการกลุ่มที่ 2 : การมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติม เพื่อดูแลธุรกรรมของลูกค้าให้ปลอดภัยมากขึ้น ธปท.กำหนดให้ธนาคารมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติม เพื่อดูแลให้ลูกค้าใช้บริการดิจิทัลได้ปลอดภัยขึ้น ได้แก่ การล็อกวงเงินที่ห้ามทำธุรกรรมออนไลน์ โดยการปลดล็อกวงเงินดังกล่าวให้ทำได้ยากขึ้น และ/หรือการปรับลดวงเงินต่อครั้งในการสแกนใบหน้าการทำธุรกรรมบน Mobile Banking ต่ำกว่า 50,000 บาท

นอกจากนี้ ธนาคารแต่ละแห่งจะเสนอบริการเพื่อดูแลลูกค้าเพิ่มเติมได้ เช่น การโอนเงินที่อาศัยบุคคลอื่นช่วยอนุมัติ (Double Authorisation) การโอนเงินเฉพาะรายชื่อที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะเริ่มเห็นการให้บริการตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2567

“ธปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามประเมินผลของมาตรการ รวมถึงพร้อมปรับเปลี่ยนมาตรการให้เท่าทันกับภัยรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดหวังว่ามาตรการที่ออกมาใหม่นี้อย่างน้อยจะต้องระงับบัญชีม้าเทาได้ และบัญชีม้าน้ำตาลที่ปัจจุบันแบงก์ตรวจจับได้เฉลี่ย 2 หมื่นบัญชี อย่างน้อยในระยะข้างหน้าจะต้องไม่มี ทำให้บัญชีม้าไม่วิ่งวนได้”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง