ธปท.กำชับธนาคาร-แบงก์รัฐ-ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ทุกแห่ง ยกระดับการเปิดบัญชีให้บุคคลความเสี่ยงสูงเข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามฟอกเงิน ชี้ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน-วัตถุประสงค์ เข้มงวดตามระดับความเสี่ยง พร้อมติดตามบัญชีบุคคลมีความเสี่ยงสูง-กำหนดบุคคลเข้าข่ายบัญชีม้า หวังป้องกัน-ลดความเสียหายต่อประชาชนให้เสร็จภายใน 13 ก.ค. 2567 นี้
วันที่ 11 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือเวียนให้สถาบันการเงินทุกแห่ง สถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง (SFIs) ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ทุกแห่ง โดยระบุว่า การเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการบัญชีเงินฝาก หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีลูกค้ามีความเสี่ยงสูง หรือใช้บัญชีที่มีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติ
ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตระหนักถึงภัยทุจริตทางการเงินและปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงได้ออกมาตรการเพื่อป้องกันและรับมืออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องกับพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 (พ.ร.ก.มาตรการป้องกันฯ) รวมถึงผลักดันให้ผู้ให้บริการทางการเงินดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ภัยทุจริตทางการเงินมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ วิธีการ และเทคนิค ที่มีความหลากหลายชับซ้อนมากขึ้น แม้ผู้ให้บริการทางการเงินจะมีกระบวนการรู้จักและยืนยันตัวตนของลูกค้าในการเปิดบัญชีเงินฝากหรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ (บัญชี) รวมทั้งติดตามตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงของลูกค้า แต่ยังพบว่ามีการนำบัญชีมาใช้เป็นเครื่องมือในการรับเงินและถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด (บัญชีม้า) จนเกิดความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้างอยู่ อันอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงินด้วย
ในการนี้ ธปท.จึงได้กำหนดมาตรการให้ผู้ให้บริการทางการเงินถือปฏิบัติเพื่อยกระดับการดำเนินการ และกำหนดแนวทางการจัดการที่เข้มงวดขึ้น ในกรณีลูกค้ามีความเสี่ยงสูง หรือใช้บัญชีที่มีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติ อันจะช่วยป้องกันและลดการนำบัญชีมาใช้เป็นเครื่องมือในการรับเงินและถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดทางการเงิน ซึ่งจะเป็นการป้องกันหรือลดความเสียหายให้กับประชาชนได้เท่าทันและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถจัดการปัญหาบัญชีม้าได้อย่างมีประสิทธิผล โดยมีมาตรการดังนี้
1.ให้ผู้ให้บริการทางการเงินเข้มงวดในการเปิดบัญชีกับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติ เช่น บุคคลที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกำหนดรายชื่อว่ามีความเสี่ยงสูง บุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันฯ เป็นต้น
โดยเมื่อผู้ให้บริการทางการเงินพบว่าบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติมาขอเปิดบัญชี ผู้ให้บริการทางการเงินต้องตรวจสอบ เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าเพิ่มเติมในระดับเข้มข้นตามระดับความเสี่ยง เช่น ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน ข้อมูลการประกอบอาชีพ วัตถุประสงค์ของการเปิดบัญชี เป็นต้น และมีมาตรการการเปิดบัญชีทั้งแเบบพบเห็นต่อหน้า และแบบไม่พบเห็นต่อหน้าอย่างรัดกุมเหมาะสม ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติเดียวกัน
2.ให้ผู้ให้บริการทางการเงินยกระดับการตรวจจับ และติดตามบัญชีของบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อป้องกันบุคคลดังกล่าวใช้บัญชีเป็นช่องทางกระทำความผิด โดยให้ใช้ช้อมูลจากระบบ Central Fraud Registry ข้อมูลพฤติกรรมต้องสงสัยที่ผู้ให้บริการทางการเงินตรวจพบเองและที่แลกเปลี่ยนระหว่างกัน มาคัดกรองบุคคลดังกล่าว เพื่อตรวจสอบให้ทราบข้อเท็จจริงของบุคคลดังกล่าวเพิ่มเติม และดำเนินการอย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติเดียวกัน
3.การดำเนินการข้อ 1 และข้อ 2 ข้างต้น ผู้ให้บริการทางการเงินต้องดำเนินการ ดังนี้ 3.1 ร่วมกันกำหนดประเภทบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติที่เข้าข่ายเป็นบัญชีม้า และกำหนดแนวทางดำเนินการจัดการอย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยง เพื่อจัดทำให้เป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน และเป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า
เช่น การพิจารณาปฏิเสธการเปิดบัญชีให้แก่บุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เป็นต้น เพื่อไม่ให้ผู้กระทำความผิดใช้ช่องโหว่จากการปฏิบัติที่แตกต่างกันของผู้ให้บริการทางการเงินแต่ละแห่ง ในการเปิดและใช้บัญชีม้าในการกระทำความผิด
3.2 ใช้ข้อมูลจากระบบหรือกระบวนการเปิดเผย หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ระบบ Central Fraud Registry ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันฯ ข้อมูลตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือพฤติกรรมต้องสงสัยที่ตรวจพบเองเพื่อนำมาประกอบการบริหารความสี่ยง อันเป็นกระบวนการป้องกันปัญหาการเปิดและใช้บัญชีม้า
ซึ่งจะช่วยตัดเครื่องมือในการรับเงินและถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด และสามารถป้องกันหรือลดความเสียหายต่อประชาชนในวงกว้างรวมถึงสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยต่อระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงิน
ทั้งนี้ ให้ผู้ให้บริการทางการเงินถือปฏิบัติทันที ยกเว้นการใช้และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันตามข้อ 3.2 ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567