หุ้นไทยวันนี้ ลุ้นฟื้นต่อ แนวต้าน 1,460 จุด จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ ด้วย Sentiment บวก จากปัจจัยหนุน เงินบาทกลับมาแข็งค่าเป็นบวกต่อทิศทาง Fund Flow และ GDP ไทยใน 3Q67 ที่สูงกว่าคาด และมีแนวโน้มดีต่อใน 4Q67 โดยมีแนวต้าน 1,460-1,465 จุด ติดตามประชุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า คาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้ มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ ด้วย Sentiment บวก โดยมีปัจจัยหนุน 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ติดการประชุมวันนี้ 2) เงินบาทกลับมาแข็งค่าเป็นบวกต่อทิศทาง Fund Flow และ 3) GDP ไทยใน 3Q67 ที่สูงกว่าคาด และมีแนวโน้มดีต่อใน 4Q67 ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,460-1,465 จุด หากขึ้นทะลุผ่าน จะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,440-1,445 จุด คาดยังรองรับได้

แม้ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway ปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจํากัด หลังตลาดรับรู้ปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ แล้วสะท้อนจากผลตอบแทนและกระแสเงินที่ไหลเข้าหุ้น
กลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐ รวมถึงกระแสเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้น EM และตลาดหุ้นจีนจากความกังวลนโยบายปรับขึ้นภาษีสินค้านําเข้าของสหรัฐ

ส่วนปัจจัยในประเทศมองอยู่ในช่วงปรับประมาณการของ บจ.และกําไรตลาด หลังภาพรวมกำไรของ SET 3Q67 อ่อนตัวลงทั้ง YOY และ QOQ อีกทั้งมีประเด็นต้องติดตามจากบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในวันที่ 19 พ.ย. และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องคดียุบพรรคเพื่อไทย

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามวันนี้

• วันนี้ติดตามการประชุมของบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนำ เช่น นโยบายแจกเงินหมื่นเฟสสองสำหรับผู้สูงอายุ, มาตรการแก้หนี้, มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านการลดหย่อนภาษี

• รมว.คลังนำทีม BOI เยือนเซี่ยงไฮ้ดึงลงทุนในจังหวะบริษัทจีนกังวลผลการเลือกตั้งสหรัฐ พบบริษัทแบตเตอรี่-อิเล็กทรอนิกส์ หนุนไทยฐานผลิตจีนในภูมิภาคอาเซียน เผย 9 เดือน จีนยื่นลงทุนไทย 1.14 แสน ลบ.

ADVERTISMENT

• สศช.เผย GDP 3Q67 ขยายตัว 3% หนุนจากการผลิตนอกภาคการเกษตร ภาคบริการ และการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น พร้อมปรับเป้า GDP ปีนี้โต 2.6% จากเดิม 2.5% ส่วนปี 2568 คาดโต 2.8% ชี้ความเสี่ยงอยู่ที่นโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ หนี้ครัวเรือน-ธุรกิจสูง

• ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านสหรัฐ พ.ย. เพิ่มสู่ระดับ 46 สูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าตลาดคาด หนุนจากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้น และความหวังรัฐบาลจะผ่อนคลายกฎระเบียบในตลาดที่อยู่อาศัย

ADVERTISMENT

• วานนี้รัสเซียได้โจมตีทางอากาศครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 3 เดือนต่อยูเครน สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน ด้านรัฐบาลสหรัฐ ได้อนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐโจมตีรัสเซีย ทำให้อาจลุกลามกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

• รัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีส่งออกอะลูมิเนียม 13% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ส่งผลให้ราคาหุ้นผู้ผลิตอะลูมิเนียมปรับลงวานนี้ ขณะที่ราคาอะลูมิเนียมในตลาดลอนดอน (LME) ปรับตัวขึ้นราว 6%

• The Information รายงาน Blackwell ชิป AI รุ่นใหม่ของ Nvidia กำลังประสบปัญหาความร้อนสูงเกินไป สร้างความกังวลต่อความล่าช้าในการเปิด Data Center ซ้ำเติมจากเดิมที่มีปัญหาการส่งล่าช้า

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ โดยปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัด หลังอยู่ระหว่างรอดูนโยบายภาษีของทรัมป์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศรอดูรัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่มเติมกลยุทธ์ลงทุน จึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น Event Play ที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐเตรียมพิจารณาออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาทิ แจกเงินหมื่นบาทเฟส 2, ช้อปดีมีคืน (Easy E-Receipt) แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP)

2. หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากดอลลาร์แข็งค่า/บาทอ่อนค่า แนะนำกลุ่มที่มีรายได้จากการส่งออก (CPF DELTA) และกลุ่มท่องเที่ยว (AWC AOT MINT)

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YOY และ QOQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP CBG AMATA AU TIDLOR

4. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO