ส่องหุ้นธุรกิจร้านอาหาร “บล.พาย” ประเมินไตรมาสสุดท้ายฟื้นตัวต่อเนื่อง รับอานิสงส์แจกเงินหมื่น-นักท่องเที่ยวพีกรับไฮซีซั่น หนุนร้านทำโปรโมชั่นดึงลูกค้า ส่วนภาพรวมทั้งปีคาดการณ์กำไรสุทธิ “M” ปีนี้หดตัว 15% ถูกกดดันจากยอดขาย SSSG ยังติดลบเป็นตัวเลขสองหลัก แต่คาดปีหน้ากำไรพลิกกลับมาโตได้ 2% เชื่อ “สุกี้ ตี๋น้อย” โตแรง ไม่กระทบ เหตุลูกค้าคนละเซ็กเมนต์
นายธนวิชช์ บุญชูวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในไตรมาส 4/2567 ประเมินว่าน่าจะมีทิศทางการฟื้นตัวมากขึ้น จากผลของมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ที่หนุนกำลังซื้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งขณะนี้เห็นได้ชัดจากธุรกิจค้าปลีกที่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) มีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้นในไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นจะทำให้ภาพดูดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้าที่การแข่งขันสูง ประกอบกับราคาเนื้อหมูไม่น่าจะปรับตัวขึ้นสูง ทรง ๆ อยู่ที่ระดับ 70 บาท/กิโลกรัม ซึ่งถ้าเทียบปีที่แล้วขึ้นไประดับ 100 บาท/กิโลกรัม ฉะนั้นน่าจะทำให้ร้านอาหารจัดโปรโมชั่นมากขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า จึงน่าจะทำให้การบริโภคอาหารนอกบ้านมีเทรนด์ที่ดีขึ้นได้เรื่อย ๆ
ส่วนในปี 2568 คาดว่าคงเป็นเทรนด์ที่คึกคักต่อเนื่อง เพราะราคาเนื้อสัตว์และราคาสินค้าคงไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันเหมือนปีก่อน ๆ จึงเห็นการทำโปรโมชั่นต่อเนื่อง และทิศทางนักท่องเที่ยวที่ยังเข้ามาต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะเป็น Key Drivers กลุ่มร้านอาหารได้
โดยอ้างอิงข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ในเชิงของรายได้ร้านอาหารดัง อาทิ MK, KFC, Mcdonald’s, Teenoi, Bar B Q Plaza, Fuji, Bonchon, ThongSmith, Haidilao มีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท เฉพาะร้านสุกี้มีรายได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลสิ้นปี 2566)
ทั้งนี้ ประเมินทิศทางรายได้ของ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (M) ในสิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ 15,512 ล้านบาท ลดลง 6.9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) มีกำไรสุทธิหดตัว 15% YOY อยู่ที่ 1,437 ล้านบาท ถูกกดดันจาก SSSG หดตัวหนัก คาดในไตรมาส 4 ปีนี้ยังเห็นภาพติดลบเป็นตัวเลขสองหลักอยู่ (ไตรมาส 3/2567 ติดลบ 13%, ไตรมาส 2/2567 ติดลบ 11%)
เนื่องจากที่ผ่านมา SSSG มีหลายปัจจัยกดดันตั้งแต่ห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) หลายแห่ง เริ่มมีการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างลดสาขาธนาคาร (ตามแบงก์ทยอยปิดสาขา) หันมาเพิ่มร้านอาหารเข้าไปแทน โดยกลยุทธ์ห้าง Lotus’s ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนร้านอาหาร 20% เช่นเดียวกับห้าง BigC ซึ่งผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่ในห้างเป็นคู่แข่งหลักของ M ทำให้คาดว่า SSSG ปีนี้ของร้าน MK จะติดลบ 9% และร้าน Yayoi ติดลบ 6.7%
อย่างไรก็ดี คาดว่าการปรับฐานในปีนี้ของ M น่าจะทำให้ SSSG ไม่น่าจะหดตัวมากแล้วในปีหน้า โดยคาดว่า SSSG ของร้าน MK และร้าน Yayoi จะทรงตัวได้ 0% เมื่อเทียบ YOY ขณะที่ร้าน แหลมเจริญซีฟู้ด +1% YOY โดยปี 2568 คาดว่ารายได้ M ยังทรง ๆ ที่กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แต่คาดกำไรสุทธิพลิกกลับมาโตได้ 2% YOY เป็น 1,469 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีขึ้นจากที่เริ่มควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
“กลยุทธ์ลงทุนหุ้น M มองว่าระดับราคาปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว ดังนั้นการถือรับปันผลที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับ 4-5% ก็เป็นทางเลือกที่ดี”
ส่วนประเด็นการเติบโตแรงของธุรกิจ “สุกี้ ตี๋น้อย” ที่กังวลว่าจะกระทบต่อผลประกอบการ M นั้น นายธนวิชช์กล่าวว่า คงไม่กระทบรายได้ M เพราะเป็นลูกค้าคนละเซ็กเมนต์กัน และการแข่งขันก็ไม่ได้แข่งที่ระดับราคาเดียวกัน แต่คู่แข่งหลักของ M จริง ๆ คือร้านอาหารที่อยู่ในห้างที่ขายราคาเท่ากัน ๆ มากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลประกอบการ M ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้จากการขายและบริการ 11,735 ล้านบาท ลดลง 7% YOY มีต้นทุนการขาย 3,811 ล้านบาท ลดลง 11.6% มีกำไรขั้นต้น 7,924 ล้านบาท ลดลง 4.6% มีกำไรสุทธิ 1,088 ล้านบาท ลดลง 7.2%
ขณะที่ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) หรือ “สุกี้ ตี๋น้อย” มีกำไรสุทธิ 890 ล้านบาท แบ่งส่วนกำไรให้ บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) ไปจำนวน 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% YOY จากปัจจุบัน JMART ถือหุ้น BNN อยู่ในสัดส่วน 30% สำหรับจำนวนสาขา (สิ้นสุด 30 ก.ย. 2567) Teenoi มีสาขารวมทั้งหมด 73 สาขา เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2567 จำนวน 6 สาขา Teenoi ยังคงเปิดสาขาในต่างจังหวัดมากต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเปิดสาขาใหม่ที่ผ่านมาทำให้ Teenoi มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง