ยังโตต่อได้หรือไม่ ? จับทิศทางหุ้นบิ๊กเทคสหรัฐ ในปี 2025

คอลัมน์ : สถานีลงทุนทิสโก้
ผู้เขียน : สวภพ ยนต์ศรี บลจ.ทิสโก้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐถือเป็นหุ้นกลุ่มที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเป็นแรงผลักดันสำคัญในการนำดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐ ทั้ง S&P500 และ Nasdaqไปสู่จุดสูงสุด จากแรงหนุนของผลประกอบการที่แข็งแกร่งและความคาดหวังต่อกำไรในอนาคต รวมถึงการมาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยิ่งเป็นแรงหนุนที่เพิ่มพลังให้กับหุ้นกลุ่มนี้

แต่สถานการณ์เหล่านั้นกำลังเปลี่ยนไปหรือไม่ และนักลงทุนอาจต้องเริ่มมองหาทางเลือกใหม่เพิ่มเติมในตลาดหุ้นปี 2025 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ?

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ หรือที่มักถูกเรียกว่า “Magnificent Seven” ได้แก่ Alphabet, Amazon, Apple, Microsoft, Mata, Nvidia และ Tesla กำลังเผชิญกับอัตราการเติบโตของกำไรที่ชะลอลง โดยในปี 2025 คาดว่าการขยายตัวของกำไรของกลุ่ม Magnificent Seven จะอยู่ที่ราว 18%

ซึ่งลดลงจากอัตราการเติบโตของทั้งปี 2024 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 34% นอกจากนี้ หากตัด Nvidia ซึ่งยังคงถูกคาดหวังสูงจากการเติบโตของกำไร เนื่องจากเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI อัตราการเติบโตกำไรของบริษัทในกลุ่มนี้อาจเหลือเพียงแค่ 3% เท่านั้น

โดยหากอัตราการเติบโต 18% เกิดขึ้นกับกลุ่มอื่น ๆ อาจจะเป็นอัตราที่น่าพอใจ แต่ตัวเลข 18% ก็อาจจะยังไม่เพียงพอกับความคาดหวังที่สูงของนักลงทุนต่อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ หากอ้างอิงจากตัวเลขของนักวิเคราะห์ใน Bloomberg

ยังคาดว่าในปี 2025 ยังจะมีกลุ่มที่กำไรเติบโตได้อย่างโดดเด่น คือ Healthcare ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรอยู่ที่ 20% และการเติบโตโดยรวมกำไรของบริษัทในดัชนี S&P500 อยู่ที่ 13% เพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2024 แสดงให้เห็นว่าดัชนี S&P500 สามารถมีอัตราการเติบโตของกำไรได้โดดเด่น โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเพียงแค่กลุ่ม Magnificent 7 แต่เพียงอย่างเดียว

ADVERTISMENT

ซึ่งทิศทางของการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นเริ่มแสดงออกมาให้เห็นผ่านความเคลื่อนไหวของเม็ดเงินลงทุน โดยรายงานจาก Bank of America ระบุว่า ในสัปดาห์ของวันที่ 4 ธันวาคม กลุ่ม Technology มีเงินทุนไหลออกสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่หุ้นขนาดเล็กได้รับความสนใจมากขึ้น โดยมีเงินทุนไหลเข้าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

นักวิเคราะห์จาก Bloomberg แสดงความเห็นว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน Biotech และหุ้นขนาดกลาง-เล็กอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากการประเมินราคาหุ้นของ Big Tech ที่ยังคงสูง โดยบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven ซื้อขายที่ค่า PE สูงถึง 41 เท่า ณ ปัจจุบัน

ADVERTISMENT

และอีกหนึ่งประเด็นที่เริ่มสร้างความกังวลให้กับนักวิเคราะห์ฝ่ายที่เริ่มประเมินความเสี่ยงขอ’หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2024 บริษัทอย่าง Microsoft, Alphabet, Amazon และ Meta มีการใช้จ่ายเงินลงทุนรวมกันสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลด้าน AI โดยตัวเลขการลงทุนที่เห็นอาจเป็นข่าวดีกับ Nvidia แต่ก็เกิดคำถามเช่นเดียวกัน ว่าการลงทุนมหาศาลเหล่านั้นจะเริ่มให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่อใด

โดยในกลุ่ม Magnificent Seven มีเพียง Nvidia เท่านั้นที่ยังคงสร้างผลกำไรได้อย่างโดดเด่น ด้วยความต้องการเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทยังคาดการณ์กำไรเติบโตถึง 49% ในปีหน้า แต่ก็เป็นระดับที่ลดลงจากการเติบโตระดับเลข 3 หลัก (Triple Digit) ในปีนี้

อย่างไรก็ดี หากย้อนภาพกลับไปในอดีตที่ผ่านมา มักเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหลายต่อหลายครั้ง คือ การที่นักวิเคราะห์คาดว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะเติบโตชะลอลง และถึงเวลาของหุ้นกลุ่มอื่นสลับขึ้นมาโดดเด่นปรับตัวขึ้นนำตลาด ยกตัวอย่างในช่วงต้นปี 2024 นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของหุ้นในกลุ่ม Magnificent Seven จะเติบโตเพียง 19% แต่ดูเหมือนว่าตัวเลขจริง ๆ ของทั้งปี 2024 จะสูงถึง 34%

ดังนั้น ถึงแม้ทิศทางของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะเติบโตได้ในอัตราที่ชะลอลงในปี 2025 ตามที่นักวิเคราะห์คาด สิ่งที่นักลงทุนควรทำไม่ใช่การนำเงินลงทุนทั้งหมดออกจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่เป็นแค่การกระจายการลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มอื่น ๆ บ้างเท่านั้น

อาทิ กลุ่ม Healthcare ที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตโดดเด่น หรือหุ้นขนาดกลาง เล็กที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump