
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ หลังเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำคาด ช่วยให้ดอลลาร์ และ Bond Yield สหรัฐ ชะลอตัว มองเป็นปัจจัยหนุน SET ได้ โดยมีแนวต้านที่คาดรอทดสอบอยู่ที่ 1,360-1,365 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ DELTA-CPALL
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ แม้ CPI สหรัฐออกมาตามคาด อย่างไรก็ตาม Core CPI ออกมาต่ำกว่า ช่วยให้ดอลลาร์และ Bond Yield สหรัฐชะลอตัว มองเป็นปัจจัยหนุน SET ได้ โดยมีแนวต้านที่คาดรอทดสอบอยู่ที่ 1,360-1,365 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,340-1,345 จุด ทั้งนี้ภาพรวมให้ติดตาม 1,380 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะสร้างสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัว โดยมีแนวต้านที่บริเวณ 1,400 จุด แม้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแย่กว่าภูมิภาคจากความกังวลเสถียรภาพการเมืองและ ESG ของ บจ. รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการส่งออกรถยนต์ที่คาดอ่อนแอลง แต่ยังมีความคาดหวังต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลดค่าครองชีพในประเทศเพิ่มเติม รวมถึงการเริ่มต้นของมาตรการ Easy E-Receipt ตั้งแต่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 จะช่วยกระตุ้นงบฯ 1Q68
ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดคาด GDP 4Q67 ของจีนจะเพิ่มขึ้น 5% YOY และเงินเฟ้อ ธ.ค. 2567 ของสหรัฐเร่งตัวขึ้น 2.9% YOY ทั้งนี้มองแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและการลดดอกเบี้ยของเฟดจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม อาจจะไม่กดดันลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนําให้ “Selective Buy”
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
EIA เผยสต๊อกน้ำมันดิบลดลง 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 412.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ เม.ย. 2565 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดจะลดลงเพียง 992,000 บาร์เรล
• สหรัฐเผยดัชนี Core CPI ธ.ค. 2567 ปรับตัวขึ้น 3.2% YOY ต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง และอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
• กลุ่ม บจ.การเงินสหรัฐ เช่น Goldman Sachs, JP Morgan, BlackRock, Well Fargo และ Citi Group เผยผลประกอบการ 4Q67 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้
• รองประธาน ECB ส่งสัญญาณว่า ECB จะเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยต่อไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา หลังข้อมูลล่าสุดชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังสูญเสียแรงขับเคลื่อน
• ก.ล.ต.เผยกำลังพิจารณาเรื่องบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลการจำนำหุ้น เพื่อผู้ลงทุนจะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนและอาจมีมาตรการเสริมเพิ่มเติม โดยคาดจะมีความชัดเจนออกมาภายใน 1Q68 จากเดิมที่คาดจะชัดเจนเดือน ธ.ค. 2567
• Bloomberg รายงาน ก.ล.ต.กำลังพิจารณาอนุญาตให้เข้าจดทะเบียน Bitcoin ETF ในตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรก ให้นักลงทุนรายย่อยและสถาบันเข้าลงทุนได้
• ก.ล.ต.เผยว่าไม่มีแนวคิดยกเลิก Short Sell เนื่องจากยังมีความจำเป็นต่อตลาดหุ้นไทย แต่อาจต้องพิจารณาเสริมมาตรการกำกับดูแลตามความเหมาะสม และจะประเมินประสิทธิผลและทบทวนการใช้เกณฑ์ Uptick ซึ่งอาจกระทบต่อมูลค่าการซื้อขายของตลาด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้น แต่ Upside จำกัด โดยรอการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐ และนโยบายการค้าของสหรัฐ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการ Easy E-Receipt ช่วงวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 และเงินหมื่นเฟส 2 ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แนะนำกลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) และกลุ่มท่องเที่ยว (MINT)
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูง ซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ต แนะนำ AP KTB BBL PTT
3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YOY และ QOQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก OSP AMATA AU TIDLOR BCP
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรใน 1) หุ้นที่ได้ Sentiment บวกหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น แผนดึงเม็ดเงินลงทุน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน Entertainment Complex และลดค่าครองชีพ-เพิ่มกำลังซื้อ แนะนำกลุ่มนิคม (WHA AMATA) กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CRC) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT AWC) และ 2) หุ้นที่ราคา Laggard (เทรด PER 2568F ต่ำกว่า -1SD) แต่ผลการดำเนินงานยังมีแนวโน้มเติบโตดี แนะนำ BTG BEM BDMS
หุ้นแนะนำวันนี้
DELTA : 4Q67 คาดจะเป็นบริษัทเดียวที่รายงานกําไรปกติเติบโต YOY ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เราดูแลอยู่ เนื่องจากได้ประโยชน์จากวัฏจักรการเติบโตของ AI และอัตรากําไรขั้นต้นยังคงแข็งแกร่ง หลังมีรายได้จากผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่พัฒนาโดย DELTA Thailand ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่า Royalty Fee ให้กับ DELTA Taiwan ในสัดส่วนสูง ทั้งนี้แนะนําราคาเข้าซื้อเก็งกําไรวันนี้ไม่เกิน 145 บาท
CPALL : 4Q67 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยเติบโตทั้ง YOY และ QOQ จากเข้าสู่ High Season และยอดขายสาขาเดิมยังเติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้งมาร์จิ้นยังกว้างขึ้นต่อเนื่องจากมียอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลและการปรับลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการ