
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวัน สะท้อนจากดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เฉลี่ยสูงกว่าระดับ 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ (18-26 มกราคม 2568) ทำให้คนบางกลุ่มต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะด้านสุขภาพ
ทั้งนี้ ได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจเบื้องต้น โดยใช้สมมุติฐานว่า คนกรุงเทพฯ ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้/ระบบทางเดินหายใจไม่ต่ำกว่า 2.4 ล้านคน และประมาณ 50% ของจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจมีอาการเจ็บป่วยจนจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ในช่วงนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน และมีค่ารักษา ค่าเดินทาง เฉลี่ยต่อคน 1,800-2,000 บาท รวมถึงประชาชนทั่วไปที่อาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลป้องกันสุขภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าเสียโอกาสจากประเด็นด้านสุขภาพทั้งการรักษาและการป้องกันอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท
ขณะที่ หากรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น เช่น การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การทำงานที่บ้าน การหยุดเรียน การท่องเที่ยว เป็นต้น รวมถึงผลกระทบที่เกิดในพื้นที่อื่น ๆ ค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจะสูงกว่านี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจข้างต้นเป็นเพียงการชี้ให้เห็นถึงเม็ดเงินผลกระทบที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่ยังประเมินออกมาเป็นมูลค่าผลกระทบอย่างชัดเจนได้ยากยังคงมีอยู่ ที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรัง ตลอดจนผลต่อภาพรวมของประเทศที่ทางการมุ่งหวังจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ ทั้งการท่องเที่ยว การแพทย์ และอื่น ๆ ในเวทีโลก