
ครม.อนุมัติ พ.ร.บ.ศูนย์กลางการเงิน (Fin Hub) “เผ่าภูมิ” เผยเตรียมชงกฤษฎีกาดันกฎหมายเข้าแบบ Fast Track ก่อนเสนอเข้าสู่สภา ชี้หนุนดึงลงทุน 8 ธุรกิจ ดันไทยสู่ผู้นำการเงิน เปิดกว้าง Digital Asset ชาติต้น ๆ ในโลก
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เห็นชอบหลักการของร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. … เพื่อดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) เพื่อเป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาผ่านช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน (Fast Track) คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 50 วัน จึงเสนอเข้าสู่สภาต่อไป
กฎหมายใหม่นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพิจารณาใบอนุญาตและการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายใต้ Financial Hub มีความครบวงจร เป็นสากล และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ รวมทั้งให้มีหน่วยงานหลักกำหนดนโยบายในการส่งเสริมให้ไทยเป็น Financial Hub และกำหนดนโยบายในการพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงิน (Ecosystem) ทั้งการพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานให้สอดรับกับความต้องการของบริษัทด้านการเงินระดับโลก
ร่าง พ.ร.บ.ประกอบด้วย 9 หมวด 96 มาตรา ยกเว้นกฎหมาย 7 กฎหมาย กำหนดรายละเอียดธุรกิจเป้าหมายใน Financial Hub จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินให้เป็นหน่วยงานให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Authority : OSA) กำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจและกลไกการขออนุญาต กำหนดสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจนักลงทุน รวมไปถึงแนวทางการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักสากล โดยสรุปหลักการร่าง พ.ร.บ.ได้ดังนี้
1.ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub
เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หรือสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ
2.ธุรกิจที่จะเกิดขึ้นใน Financial Hub
(1) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ (2) ธุรกิจบริการการชำระเงิน (3) ธุรกิจหลักทรัพย์ (4) ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (5) ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (6) ธุรกิจประกันภัย (7) ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ (8) ธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง หรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงิน ต้องมีสถานที่ตั้งในเขตพื้นที่ที่กำหนด ต้องจ้างแรงงานไทยเป็นสัดส่วนตามกำหนด สามารถให้บริการแก่ผู้ที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศเท่านั้น ยกเว้นในบางเงื่อนไขที่เป็นไปเพื่อการประกอบธุรกิจ
3.การขออนุญาต
ยื่นขอใบอนุญาตผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (One Stop Authority : สำนักงาน OSA) ที่จะตั้งขึ้นใหม่ เพื่อเป็นหน่วยงานให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (End to End) โดยมีคณะกรรมการ OSA ทำหน้าที่ (1) กำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็น Financial Hub (2) กำหนดแนวทางการส่งเสริมธุรกิจเป้าหมาย (3) กำหนดประเภทและขอบเขตของการอนุญาต (4) กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต รวมทั้งการเพิกถอน (5) กำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแล
4.สิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub
จะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งทางภาษีและมิใช่ภาษีตามที่ คกก.กำหนด โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะต้องแข่งขันได้ และสิทธิประโยชน์ที่มิใช่ภาษี เช่น การยกเว้นกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว สิทธิประโยชน์ในการนำคนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในประเทศไทย การให้กรรมสิทธิ์ในการถือครองห้องชุดเพื่อการประกอบธุรกิจและอยู่อาศัย เป็นต้น
การพัฒนาไทยให้เป็น Financial Hub เป็นโอกาสของไทยที่จะสามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย พัฒนาภาคการเงินของประเทศไทย รวมทั้งสร้างโอกาสให้แก่แรงงานไทยดังนี้
1.พัฒนาระบบการเงินและนวัตกรรมทางการเงิน สร้างไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยการเข้ามาของผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินระดับโลกจะนำมาซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกและทันสมัย ทำให้ไทยมีระบบนิเวศการเงินที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โดยไทยจะเป็นประเทศต้น ๆ ในโลกที่เปิดกว้างสำหรับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลใน Financial Hub
2.พัฒนาทักษะแรงงานไทย การเข้ามาของผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินระดับโลกจะช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และทักษะทางการเงินที่ทันสมัย และเปิดโอกาสให้แรงงานไทยได้ทำงานในบริษัทชั้นนำและพัฒนาศักยภาพของตนเอง
3.สร้างโอกาสการจ้างงานและรายได้ที่สูง โดยเฉพาะในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เทคโนโลยี และบริการสนับสนุนด้านการเงิน เป็นการส่งเสริมอาชีพที่มีรายได้สูง แรงงานไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
4.เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากการลงทุนของผู้ประกอบธุรกิจต่างชาติจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อาคารสำนักงาน ระบบขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น และทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเชื่อมโยงกับธุรกิจทางการเงินเพื่อขยายโอกาสการเติบโต