ttb x Disney ความน่ารักครั้งใหม่บนหน้าบัตร ในวันที่ต่างมองหาความคุ้มค่า

ttb disney ทีทีบี ดิสนีย์ บัตรเดบิต บัตรเครดิต

ttb เดินเกม Character Marketing ครั้งแรก แท็กทีม ดิสนีย์ เป็น Exclusive Partner ขนความน่ารักเหล่าตัวการ์ตูนชื่อดัง ลงหน้าบัตรเครดิต-บัตรเดบิต ttb Disney พร้อมอัดโปรโมชั่น-สิทธิพิเศษ จากพันธมิตรขั้นนำ จะว้าวแค่ไหน สู้กับหน้าเดิมในตลาดได้ยังไงบ้าง

นับเป็นการปลุกตลาดบัตรธนาคารรับปี 2568 ก็ว่าได้ สำหรับการเปิดตัว ‘บัตร ttb Disney’ ของทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ที่ประกาศเป็นแบงก์แรก แบงก์เดียวในไทย พาแคแร็กเตอร์จากจักรวาลเครือดิสนีย์มาอยู่บนหน้าบัตร ดึงดูดเหล่า Disney Lovers ซึ่งมีตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น จนถึงกลุ่มครอบครัว เข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ ควบคู่กับการสร้างประสบการณ์ Digital-First สมัคร-จัดการทุกอย่างผ่านแอปพลิเคชั่น ttb touch ได้เอง

พร้อมกับการตั้งเป้าลูกค้าใหม่จากบัตร disney รวมกันกว่า 1 ล้านใบ แบ่งเป็นบัตรเดบิต กว่า 7 แสนใบ และบัตรเครดิตประมาณ 3 แสนใบ จากเดิมที่มีฐานลูกค้าบัตรเดบิต กว่า 2.6 ล้านใบ และฐานลูกค้าบัตรเครดิต กว่า 1.5 ล้านใบ พร้อมกับเป้าหมายขยับขึ้นเป็นเบอร์ 4 ของตลาดบัตรเครดิตไทย

อย่างไรก็ดี หากมองตลาดและพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรในวันนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้คนเริ่มมองหาความคุ้มค่าในการใช้บัตรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ แม้กระทั่งคะแนนสะสมที่แต่ละบัตรให้นั้น ดีมาก-น้อยแค่ไหน จนถึงบัตรเดบิตที่หลาย ๆ คนเริ่มไม่ใช้งานแล้ว เนื่องจากการมาของบริการที่มีชื่อว่า “กดเงินไม่ใช้บัตร”

“ประชาชาติธุรกิจ” เทียบฟอร์มบัตร ttb Disney กับบัตรอื่น ๆ ที่มีในตลาด ว่าคุ้มค่าที่จะถือแค่ไหน นอกจากความสวยงามของลายบัตร

บัตร ttb Disney ว้าวแค่ไหน ?

บัตร ttb Disney มีให้สมัคร 2 รูปแบบ คือ บัตรเครดิต และบัตรเดบิต

ADVERTISMENT

บัตรเครดิต ttb Disney

สำหรับบัตรเครดิต ttb Disney มีให้เลือกถึง 8 ลายบัตร ทั้ง Mickey Mouse, Minnie Mouse, เจ้าหญิง, ซูเปอร์ฮีโร่จาก MARVEL และ STAR WARS

ADVERTISMENT

สิทธิประโยชน์ของบัตรใบนี้ที่ ttb ชูเป็นจุดเด่น คือ การได้คะแนนสะสม 5 เท่า ในหมวดช้อปออนไลน์, ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหาร (เมื่อใช้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อรอบบัญชี และใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป) ส่วนรายการอื่น ๆ และรายการที่ไม่เข้าเงื่อนไข ได้คะแนนสะสม ทุก 25 บาท เท่ากับ 1 คะแนน

นอกจากนี้ ยังได้สิทธิแลกของรางวัล Disney ได้พิเศษ เฉพาะผู้ใช้บัตรเครดิต ttb Disney และได้สิทธิผ่าน 0% นานสูงสุด 6 เดือน เมื่อใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป ที่ร้านค้าดิสนิย์ที่เข้าเงื่อนไข (ร้านค้าที่จดทะเบียนชื่อร้านค้ากับทาง Payment Network โดยมีคำว่า “Disney” เท่านั้น)

ภาพจาก ttbbank.com

บัตรเดบิต ttb all free Disney

สำหรับบัตร ttb Disney ที่เป็นบัตรเดบิต จะเป็นส่วนหนึ่งของบัญชีออลล์ฟรี ซึ่งได้สิทธิ กด-โอน-จ่ายฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม เช่นเดียวกับบัตรเดบิต ttb all free แบบปกติ โดยลายหน้าบัตรมีให้เลือกมากถึง 14 ลาย แบ่งเป็น 12 ลายปกติ เช่น Mickey Mouse Fantasia, Frozen, Toy Story, MARVEL และ 2 ลายพิเศษ คือ เรด ฮัลค์ และเบรฟ นิว เวิลด์ ซึ่งเป็น Limited Edition Design เพื่อฉลองการมาของภาพยนตร์เรื่องใหม่ “Captain America: Brave New World” ที่เข้าฉายในช่วงเดียวกับการเปิดตัวบัตร all free Disney

สิทธิประโยชน์บัตรใบนี้ นอกจากการชูจุดเด่น รูดต่างประเทศ ไม่ชาร์จ FX Rate (ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน) 2.5% แล้ว ยังเพิ่มเงินคืน 1% ทุกวัน และ 2% ในวันดับเบิ้ลเดย์ (วันที่ 3 เดือน 3/วันที่ 4 เดือน 4) เมื่อใช้จ่ายผ่านออนไลน์ด้วยบัตรดังกล่าวตามเงื่อนไข สะสมครบ 2,000 บาทต่อเดือน พร้อมแถม e-slip ลายแคแร็กเตอร์เดียวกับหน้าบัตร ttb all free Disney ที่สมัครไว้

ttb Disney คุ้ม-ไม่คุ้ม ?

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนที่เป็นแฟน Disney Lovers คงกดสมัครทันทีแบบไม่ลังเล แต่สำหรับหลาย ๆ คนที่มองหาความคุ้มค่าในการถือบัตรดังกล่าว คงอดที่จะเทียบกับบัตรอื่น ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดไม่ได้ แม้ ttb จะมีการร่วมมือกับพันธมิตร มอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมเฉพาะบัตร ttb Disney เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า

เริ่มต้นที่บัตรเครดิต จุดเด่นหลักของบัตร ttb Disney คือการได้คะแนน 5 เท่า ใน 3 หมวด แต่ต้องใช้จ่ายด้วยบัตรดังกล่าวอย่างน้อย 3 ครั้งต่อรอบบัญชี และต้องใช้จ่ายตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป ขณะที่หมวดอื่น ๆ ได้ 1 คะแนน เมื่อใช้ทุก 25 บาท ซึ่งเป็นเรทปกติที่บัตรเครดิตส่วนใหญ่มอบให้ลูกค้า และการมีหมวดของรางวัลพิเศษ ลิขสิทธิ์ Disney ให้ลูกค้าสามารถเลือกแลกรางวัลได้

จุดที่ต้องพิจารณาของบัตรใบนี้ คือ เรื่อง ‘คะแนนสะสม’ ที่แม้ได้ถึง 5 เท่าใบ 3 หมวด แต่มีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเยอะ เช่น การใช้จ่าย หรือเติมเงิน ผ่านทาง e-wallet, Bill Payment หรือ การใช้จ่ายใน MCC Code ที่กำหนด จะได้แค่ 1 คะแนนเท่านั้น หรือหากไม่เข้าเงื่อนไข (ใช้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อรอบบัญชี และใช้อย่างน้อย 1,000 บาทต่อเซลล์สลิป) ก็จะได้คะแนนเพียง 1 คะแนนเท่านั้นเช่นกัน

หากเทียบกับบัตรเครดิตที่คล้ายกันของ ttb อย่างบัตร so fast จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการให้คะแนนสะสม 1 คะแนน ทุกการใช้จ่าย 10 บาท ครอบคลุมในหลากหลายหมวดการใช้จ่ายมากกว่า (มีบางหมวดที่ยกเว้น เช่น ใช้จ่ายร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน ขนส่งสาธารณะ) หรือหากเทียบธนาคารอื่น อาจได้คะแนนสะสมที่จำนวนเท่าน้อยกว่า แต่เงื่อนไขก็จำกัดน้อยกว่า

อีกจุดหนึ่งที่ต้องพิจารณา คือ ค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งบัตร ttb Disney คิดค่าแรกเข้า 300 บาท รายปี 500 บาท (ยังไม่รวม VAT 7%) แต่สามารถขอยกเว้นได้ หากใช้จ่ายครบตามที่กำหนด

หากเทียบกับ ttb so fast จะแพ้ตรงที่บัตร so fast ไม่คิดค่าธรรมเนียมตลอดการถือบัตร แต่ถ้าเทียบกับบัตรเครดิตสะสมคะแนนของธนาคารหรือแบรนด์อื่น ๆ ค่าธรรมเนียมจะสูงกว่า พร้อมเงื่อนไขการใช้จ่ายเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมที่มากกว่าด้วยเช่นกัน

ขณะที่บัตรเดบิต ttb all free Disney ที่มีจุดเด่นการให้เงินคืนสูงสุด 2% เมื่อใช้จ่ายออนไลน์ตามเงื่อนไข เป็นเจ้าเดียวในตลาดบัตรเดบิตตอนนี้ และ e-slip ลายพิเศษบนแอป ttb touch

จุดที่ต้องพิจารณา คือ ค่าธรรมเนียม ซึ่งแพงกว่าบัตรเดบิตทั่วไปเล็กน้อย (แรกเข้า 300 บาท รายปี 350 บาท ออกบัตรทดแทน 150 บาท) และไม่สามารถยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีได้ เหมือนบัตร ttb all free แบบปกติ (ยกเว้นได้เมื่อรูดใช้จ่ายครบตามที่กำหนด) ยังไม่รวมถึงบัตรเดบิตของธนาคารอื่น ที่มีสิทธิประโยชน์ กดเงินที่ตู้ ATM ฟรีเหมือนกัน แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี

ทั้งนี้ การจะเลือกใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน ทั้งในแง่สิทธิประโยชน์ ความคุ้มค่า และความสะดวกในการใช้งาน แต่ต้องไม่ลืมที่จะใช้บัตรเหล่านี้อย่างชาญฉลาด ใช้งานให้เป็น เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดแก่ตัวเราซึ่งเป็นผู้ใช้งาน และใช้งานอย่างพอดี เพื่อไม่ให้ความสวยงาม ความเร้าใจของบัตร กลายเป็นสิ่งที่ทำลายวินัยทางการเงินของเรา