เอเชียตอนนี้ คือ Safe Haven

pca_Cover_photo1
คอลัมน์ : นั่งคุยกับห้องค้า
ผู้เขียน : ดร.กอบสิทธิ์ ศิลปชัย, กฤติกา บุญสร้าง ธนาคารกสิกรไทย

เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญหลากหลายปัจจัยกดดันให้ชะลอลง โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ที่สร้างความผันผวนและส่งผลลบต่อการค้าทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ปัญหาหนี้สาธารณะที่ชาติตะวันตกซุกอยู่ใต้พรมมายาวนานปะทุขึ้นอย่างรุนแรง หลังจากที่มูดีส์ปรับลดความน่าเชื่อถือของสหรัฐ จากระดับ AAA ซึ่งคือความน่าเชื่อถือระดับสูงที่สุดลง เนื่องจากหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงถึง 120% ต่อจีดีพี และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากการคาดการณ์งบประมาณขาดดุลราว 6-7% ต่อปี โดยเฉพาะการขาดดุลจากนโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและคนธรรมดาของทรัมป์ ทำให้โลกพลิกกลับตาลปัตร กลายเป็นว่าสหรัฐไม่ใช่ประเทศที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุดอีกต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2023 ฟิทช์ก็ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงก่อนแล้ว

เมื่อประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่สุดของโลก และมหาอำนาจอับดับ 1 ที่เคยมีอันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุดเทียบเท่ากับระดับไร้ความเสี่ยง (Risk Free Rate) เช่น สหรัฐกลายเป็นระดับที่ด้อยลงมา และมีความเสี่ยงสูงขึ้น ตลาดการเงินจะทำอย่างไร ?

เมื่อความกังวลปะทุขึ้น ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ตลาดการเงินโลกเข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk off Mode) ทันที และเทขายสินทรัพย์ทุกอย่างในสหรัฐ ทั้งดอลลาร์สหรัฐที่ถูกเทขายจนแตะระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 3 ปี หลุดลงต่ำกว่าระดับจิตวิทยาสำคัญที่ 100 จุด เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถูกเทขาย รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐด้วย

แน่นอนว่าเงินทุนไหลออกจากสหรัฐจะต้องมีที่ไป โดยเงินทุนเหล่านั้นไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย หลัก ๆ ได้แก่ ราคาทองคำที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในระยะสั้น ๆ ค่าเงินเยนและค่าเงินสวิสฟรังก์ก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน

นอกจากสินทรัพย์ปลอดภัยหลัก ๆ ของโลกที่พุ่งขึ้นแล้ว ค่าเงินในสกุลเอเชียได้รับผลบวกให้แข็งค่าขึ้นด้วย จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรเอเชียอย่างมาก นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศภาษีนำเข้าที่รุนแรงทั่วโลก จนทำให้กระแสลบตีกลับ จากภาพเศรษฐกิจสหรัฐ ในระยะข้างหน้าที่จะถูกกดดันไปด้วย

ที่น่าสนใจ คือ ค่าเงินบาทไทยเป็นอีกหนึ่งค่าเงินที่มีเงินทุนไหลเข้ามามาก เช่นเดียวกับค่าเงินอื่นในสกุลเอเชีย จนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกือบ 5% (YTD) ในปีนี้ แตะระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 8 เดือน ท่ามกลางเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทยสูงถึงกว่า 54,000 ล้านบาทแล้ว

ADVERTISMENT

ดังนั้น เอเชียในขณะนี้ รวมถึงไทย (แต่อาจไม่รวมถึงตลาดหุ้นไทย) อาจเรียกได้ว่าเป็นหลุมหลบภัย (Safe Haven) ชั่วคราวในระยะนี้ เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว เศรษฐกิจเอเชียยังคงพอไปได้ และยังนับว่ามีก้อนหนี้สาธารณะที่น้อยกว่าทั้งสหรัฐ และยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ…