เมืองไทยประกันชีวิตชูแผน ตั้งบริษัทร่วมทุนในเมียนมา

สาระ-ล่ำซำ

“เมืองไทยประกันชีวิต” เจรจาหาพันธมิตรแบงก์ในเมียนมาตั้งบริษัทร่วมทุน รับลูกรัฐบาลเปิดเสรี คาดชัดเจนสิ้นปีนี้ ส่วนธุรกิจในไทยปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยใหม่เพิ่มขึ้น 26% มาอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เน้นโตประกันชีวิตและสุขภาพ

นายเจน อรัส เวส รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (MTL) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรทางธุรกิจ (พาร์ตเนอร์) ในท้องถิ่น เพื่อจัดตั้งบริษัทประกันชีวิตร่วมทุนในประเทศเมียนมา หลังจากเมื่อต้นปี 2562 ทางรัฐบาลเมียนมาประกาศเปิดเสรีโดยให้บริษัทต่างชาติที่สนใจเข้าไปลงทุน สามารถทำการเปิดบริษัทดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งคาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากอาจต้องใช้เวลาและขั้นตอนในการยื่นเอกสารต่าง ๆ รวมถึงต้องการหาพาร์ตเนอร์ที่ดีที่สุด

“พาร์ตเนอร์ส่วนใหญ่ของเราจะเป็นธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจในกัมพูชา เวียดนาม หรือ สปป.ลาว เนื่องจากเขามีช่องทางการขายอยู่แล้ว ทำให้เราไม่ต้องลงทุนส่วนนี้เพิ่ม รวมถึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทำยอดขายคืนทุนกลับมา”

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทเปิดสำนักงานผู้แทนในเมียนมา เมืองย่างกุ้ง กว่า 5 ปี โดยมีคู่แข่งที่เป็นบริษัทประกันชีวิตท้องถิ่นอยู่ราว 12 บริษัท หลัก ๆ ยังเน้นขายโปรดักต์เหมือนกันและราคาก็เท่ากันหมด แต่คาดว่าช่วงปลายปีนี้เมื่อเปิดตลาดเสรี ทางเมียนมา จะอนุญาตให้มีการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์และการตั้งราคาเบี้ยประกันที่หลากหลายขึ้น

อย่างไรก็ดี บริษัทยังเตรียมแผนขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์อีกด้วย ซึ่งกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นอยู่ เนื่องจากตลาดค่อนข้างเติบโตเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นพาร์ตเนอร์ที่เข้ามาร่วมธุรกิจ จะต้องมีความเป็นไปได้ในการทำกำไร และมีศักยภาพในการแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุด

นางนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า สำหรับรายได้จากกลุ่มต่างประเทศที่บริษัทออกไปลงทุน 3-4 ประเทศนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีสัดส่วนสูงนัก

สำหรับความคืบหน้าของบริษัทร่วมทุน Sovannaphum Life Assurance PLC ในกัมพูชา ผลดำเนินงานในปี 2560 มีเบี้ยประกันรับรวมเติบโตอยู่ที่ 33% หลัก ๆ มาจากยอดขายประกันชีวิตและไมโครอินชัวรันซ์ ส่วนบริษัทร่วมทุน MB Ageas Life ในเวียดนามปี 2560 เบี้ยประกันรับรวมเติบโตอยู่ที่ 31% เทียบปี 2559 หลัก ๆ มาจากยอดขายประกันยูนิเวอร์แซลไลฟ์ โดยเฉพาะแบงก์แอสชัวรันซ์ ที่มีมาร์เก็ตแชร์ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ส่วนบริษัทร่วมทุน ST-Muang Thai Insurance ใน สปป.ลาว เพึ่งจะเริ่มต้นดำเนินการ

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทต่าง ๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นการดำเนินตามเป้าหมายที่ต้องการให้ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต เป็นบริษัทระดับภูมิภาค (go regional company) โดยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้รุกเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) เพราะมีจำนวนประชากรที่มีอยู่ประมาณ 300 ล้านคน ถือเป็นโอกาสมหาศาลในการขยายตลาด

สำหรับแนวโน้มภาพรวมธุรกิจของเมืองไทยประกันชีวิตในปี 2562 นี้ นายสาระคาดว่า จะมีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่เพิ่มขึ้น 26% (ขึ้นมาอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท) จากปีที่แล้วที่อยู่ 22,773 ล้านบาท โดยยังคงเน้นเติบโตในระยะยาวผ่านแบบประกันชีวิตและสุขภาพ พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงอยู่ที่ 76% ขณะที่แบบประกันชีวิตควบการลงทุนจะโต 96% ซึ่งปีที่แล้วประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงมีอัตราการเติบโต 40% โดยจะควบคุมสัดส่วนพอร์ตสินค้าของบริษัทมาจากโปรเท็กชั่น 63% หลัก ๆ มาจากการขายส่วนควบสุขภาพ ส่วนที่เหลืออีก 37% มาจากประกันสะสมทรัพย์และสินค้าควบการลงทุน จะช่วยทำกำไรเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนหน้าทีอยู่ที่ 8,600 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทปี”61 มีเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 94,467 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 22,773 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไปอยู่ที่ 71,694 ล้านบาท โดยช่องทางขายกว่า 57% ยังคงมาจากช่องทาง face-to-face และจำนวนกว่า 47% มาจากคอลเซ็นเตอร์ แต่เริ่มจะเห็นการเติบโตมาจากช่องทางดิจิทัลกว่า 23%