คนร.ไฟเขียวตั้งบริษัทลูกของ รฟท. 2 บริษัท เพื่อบริหารสินทรัพย์และเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 2/2562

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่ง คนร. ได้พิจารณาและมีมติในเรื่องสำคัญดังนี้

1. รับทราบผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจจำนวน 158 แห่ง โดยสำหรับบริษัทในเครือที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับภารกิจของรัฐวิสาหกิจ คนร. ได้ให้รัฐวิสาหกิจเร่งยุบเลิก/ถอนการลงทุนบริษัทในเครือโดยเร็ว รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจแก้ไขปัญหาบริษัทในเครือที่มีผลขาดทุนด้วย โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้ คนร. ทราบภายใน 1 เดือน

2. เห็นชอบในหลักการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเพื่อให้บริหารจัดการทรัพย์สินของ รฟท. มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบริษัทลูกจะทำหน้าที่ในการจัดการที่ดินในเชิงพาณิชย์ให้แก่ รฟท. ซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้และแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ รฟท.

3. เห็นชอบการเพิ่มพันธกิจให้แก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ที่ปัจจุบันมีพันธกิจในการบริหารโครงการ Airport Rail Link (ARL) ให้เป็นผู้เดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีแดง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอซึ่งจะเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและบุคลากรของ รฟฟท. ที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เนื่องจาก รฟฟท. มีประสบการณ์ในการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการ ARL โดยให้ปรับปรุงแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการหารายได้และทำกำไร และให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับติดตามการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและ รฟฟท. ให้มีประสิทธิภาพได้มาตรฐานเทียบเท่าเอกชน เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและตัวชี้วัดที่กำหนดโดยไม่เป็นภาระของภาครัฐในอนาคต

4. การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง

คนร. ได้พิจารณาและรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจ
ทั้ง 5 แห่ง โดยมีสาระสำคัญและนโยบาย คนร. สรุปดังนี้

4.1 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ. ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวง ดศ.) ได้รายงานความก้าวหน้าในการควบรวม
บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท ซึ่งได้มีความชัดเจนในเรื่องข้อพิพาท เรื่องบุคลากร และเรื่องต่างๆ ตามที่ คนร. ได้มอบหมายแล้ว และคาดว่าจะสามารถควบรวมตามขั้นตอนกฎหมายได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 โดย คนร. ได้เห็นชอบในหลักการควบรวมกิจการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ. ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท) เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด และให้กระทรวง ดศ. เร่งนำเสนอ ครม. โดยเร็วต่อไป

4.2 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขสมก. ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างบุคลากรใหม่และพัฒนาระบบการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่องเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน รวมทั้งได้นำน้ำมัน B20 มาใช้กับรถทั้งหมดแล้ว
เพื่อลดมลพิษในกรุงเทพมหานคร และหาก ขสมก. สามารถจัดหารถโดยสารใหม่ได้ตามแผน ขสมก. จะสามารถมี EBITDA เป็นบวกได้ในปี 2566 โดย คนร. ได้รับทราบแผนฟื้นฟูกิจการและให้ ขสมก. นำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการให้ ครม. พิจารณาต่อไป ส่วนรายละเอียดของแผนฟื้นฟูให้กระทรวงคมนาคมและ ขสมก. พิจารณาจัดทำดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ขสมก. เช่น การจัดหารถโดยสาร การจัดการพนักงาน และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เป็นต้น


4.3 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รฟท. ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร
ในเรื่องการพัฒนาทางคู่ ทางสายใหม่ รถไฟความเร็วสูง สถานีกลางบางซื่อ และรถไฟฟ้าสายสีแดง รวมทั้งเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สิน และการจัดการด้านบุคลากร โดย คนร. ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและ รฟท. เร่งจัดทำข้อมูลที่ดินให้ครบถ้วนและพัฒนาการบริหารจัดการที่ดินให้สร้างมูลค่าโดยเร็ว และให้มีคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกำกับดูแลในการดำเนินการทั้งหมดบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) บกท. ได้รายงานความคืบหน้าตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ในเรื่องการพัฒนาการให้บริการ การพัฒนาระบบการขาย การหารายได้เสริม และการลดต้นทุน รวมทั้งการจัดหาฝูงบินและโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงที่อู่ตะเภา เพื่อให้ บกท. สามารถแข่งขันได้ และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร โดย คนร. มอบหมายให้ บกท. ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนเพื่อยกระดับการให้บริการของ บกท.และทำให้ผลการดำเนินงานของ บกท. มีกำไร