ก.ล.ต.ชี้สรรพากรเก็บภาษีลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมไม่กระทบอุตสาหกรรม

ก.ล.ต.ชี้สรรพากรเก็บภาษีลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมไม่กระทบธุรกิจกองทุนรวม แจงปรับปรุงเพื่อสร้างความเป็นกลางทางภาษี-เป็นธรรม-ลดเหลื่อมล้ำ

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายธุรกิจจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ตามที่กรมสรรพากรได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่52) พ.ศ. 2562 เพื่อแก้ไขปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมให้เท่ากับการลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง (tax neutral) โดยดอกเบี้ยที่กองทุนรวมได้รับจากการลงทุนในตราสารหนี้จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เช่นเดียวกับกรณีที่ผู้ลงทุนลงทุนโดยตรงในตราสารหนี้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้จะไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผลซ้ำซ้อนอีก ในขณะที่ผู้ลงทุนในกองทุนรวมประเภทอื่นจะถูกเรียกเก็บภาษีเงินปันผลที่อัตรา 10% เช่นเดิม

โดยในเรื่องนี้ ก.ล.ต. เห็นว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้เกิดความเป็นกลางทางภาษี (tax neutral) เพื่อความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำระหว่างการลงทุนโดยตรงและการลงทุนโดยอ้อมผ่านกองทุนรวม ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพากรได้มีการหารือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เพื่อให้ บลจ. ต่าง ๆ ได้เตรียมการล่วงหน้า รวมถึงการสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ขายหน่วยลงทุนและผู้ลงทุนแล้ว ดังนั้น จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวมมากนัก และการลงทุนในกองทุนรวมนั้นยังมีจุดเด่นเพราะมีมืออาชีพทำหน้าที่บริหารจัดการ และมีการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้ผู้ลงทุนได้
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้น 90 วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 20 ส.ค. 62)