“ไทยประกัน” รับมือศก.ชะลอ เดินหน้าปิดสาขา-ลดต้นทุน

“ไทยประกันชีวิต” เดินหน้าลดสาขาต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกปิดแล้ว 15 แห่ง จับตาครึ่งปีหลังจ่อลดสาขาในห้างต่างจังหวัดอีก 2-3 แห่ง หนุนลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ชี้ลูกค้ามีช่องทางชำระเบี้ยผ่านดิจิทัล-ตัวแทนดูแลใกล้ชิด ชี้เทรนด์เศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง ปักธงปีนี้เบี้ยรวมโต 15%

นายทำนุ บุญประกอบ Executive Managing Director บมจ.ไทยประกันชีวิต เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทมีนโยบายปรับลดสาขา เนื่องจากปัจจุบันมีการชำระเงินค่าเบี้ยประกันผ่านดิจิทัลเพย์เมนต์เพิ่มขึ้น และเพื่อควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายดำเนินงานของบริษัท โดยที่ผ่านมาได้ลดสาขาต่อเนื่อง ขณะนี้เหลือ 288 แห่ง เป็นสำนักงานตัวแทน 263 แห่ง และสาขาในห้างสรรพสินค้า (CSC) 25 แห่ง จากปี 2561 ที่มี 303 แห่ง เป็นสำนักงานตัวแทน 274 แห่ง และ CSC 29 แห่งและในครึ่งปีหลังนี้จะลดอีก 2-3 แห่ง เป็นในส่วนสาขา CSC หลังจากช่วงครึ่งแรกที่ได้ลดสาขาลงไปแล้ว 15 แห่ง เป็นสำนักงาน 11 แห่ง และ CSC 4 แห่ง

“เชื่อว่าค่ายอื่น ๆ ก็ปิดพอ ๆ กัน เพราะช่วงนี้ สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังไม่ดี จึงทำงานยากขึ้น โดยการปรับลดสาขา เนื่องจากสาขาปัจจุบันบริษัทได้เปิดให้ลูกค้าสามารถชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางดิจิทัลเพย์เมนต์ นอกเหนือจากผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งลูกค้าในต่างจังหวัดก็ชอบชำระผ่านตัวแทนมากกว่า เพราะสามารถพูดคุยกันได้ดีกว่า จึงทำให้การเปิดสาขาในห้างลดความจำเป็นลง ในเดือน ก.ย.นี้จะปิดสาขาอีกราว 1-2 แห่ง ซึ่งเป็นสาขาที่ไม่มีตัวแทนหรือฝ่ายขายประจำอยู่ อย่างสาขาที่อยู่ในห้างโรบินสันที่จังหวัดสุรินทร์”

สำหรับตัวแทนของบริษัทปัจจุบันมีราว 6-7 หมื่นคน ซึ่งมีอัตราหมุนเวียนเข้าออกราว 50% ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนที่ขายประกันเป็นอาชีพเสริม ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าสร้างคนควบคู่กับการเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากตัวแทนระดับหัวหน้าหน่วยสามารถสร้างลูกทีมเพิ่มขึ้น เพิ่มทักษะการขายให้ตัวแทนใหม่ และมีการบริหารทีมให้ดี โดยบำรุงรักษาคนเก่าด้วยการเพิ่มศักยภาพหรือยกระดับตัวแทนให้เป็น “financial partner prime” (ที่ปรึกษาการเงิน)

นายทำนุกล่าวถึงเป้าหมายเบี้ยในปีนี้ว่า บริษัทจะตั้งเป้าหมายเบี้ยสูงทุกปี ซึ่งก็สามารถทำตัวเลขออกมาได้ดีทุกปี ดังนั้น หากดูการเติบโตของเบี้ยบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได ซึ่งช่องทางที่เติบโตยังมาจากตัวแทนของบริษัทเป็นหลัก

นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยประกันชีวิต กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในครึ่งปีหลังยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศ และผลกระทบจากเสถียรภาพทางการเมือง ส่งผลให้กำลังซื้อภายในประเทศชะลอตัว โดยเฉพาะผู้มีรายได้ประจำหรือกลุ่มเกษตรกร ดังนั้น บริษัทจะเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มระดับบน หรือ high net worth และการพัฒนาแบบประกันใหม่ อาทิ แบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง แบบประกันเพื่อการวางแผนมรดก เป็นต้น รวมถึงการรีครูตตัวแทนใหม่ ทั้งในรูปแบบการรีครูตผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และ online recruitment

โดยเป้าหมายปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยรับปีแรกอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท เติบโต 15% แบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 13,000 ล้านบาท และช่องทางอื่น ๆ อีก 6,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกบริษัทมีเบี้ยประกันรับปีแรกอยู่ที่ 5,981 ล้านบาท เบี้ยประกันรับปีต่อ 24,624 ล้านบาท เบี้ยประกันชำระครั้งเดียว 4,001 ล้านบาท และเบี้ยประกันรับรวม 34,606 ล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน