“อุตตม” หวัง SET50 เป็นหัวหอกพัฒนาตลาดทุนไทย

นายอุตตม สาวนายน
แฟ้มภาพ

รมว.คลัง หวัง SET50 เป็นหัวหอกพัฒนาตลาดทุนไทยให้ยั่งยืน ฝั่งความคืบหน้ากอง LTF อยู่ระหว่างให้ศสค.พิจารณา เตรียมแจกเงินเที่ยว 1,500 บาท รอติดตามหลังประชุมครม.เศรษฐกิจ 16 ส.ค.นี้

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิด “โครงการเสริมสร้างตลาดทุนธรรมาภิบาลเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ว่า การที่จะพัฒนาตลาดทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน คาดหวังให้หุ้นในดัชนี SET50 เป็นหัวหอกในการพัฒนา โดยเข้าใจดีว่าบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำเป็นต้องตอบแทนผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม จากปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในจุดที่ท้าทายอย่างมาก หากปล่อยไปโดยที่ไม่ช่วยกันจะส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย ไม่เพียงแต่ผลกระทบต่อตลาดทุนเท่านั้น แต่จะเป็นผลกระทบไปถึงระดับรากหญ้า หากทุกภาคส่วนร่วมกันจะส่งผลให้ผลกระทบทางลบน้อยลง และจะสามารถปรับเปลี่ยนประเทศได้อย่างแท้จริงในระยะยาว

ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างการแจกเงิน 1,500 บาท เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศและคาดว่าจะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีกำหนดว่าจะนำเข้าหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 16 ส.ค.62 หรือไม่ แต่ได้มีการเตรียมมาตรการพร้อมแล้ว โดยมั่นใจว่าจะสามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาของเศรษฐกิจภายในประเทศได้

ในส่วนของประเด็นกองทุน LTF ใหม่ กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และคาดว่าจะส่งเรื่องกลับมาที่กระทรวงการคลังเร็วๆ นี้

อนึ่ง นายอุตตม กล่าวตอนหนึ่งในพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างตลาดทุนธรรมาภิบาลเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกว่า ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และองค์กรในตลาดทุนอีกทั้ง 12 องค์กร มาร่วมกันยกระดับตลาดทุนไทย ขับเคลื่อนธรรมาภิบาล และความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมเข้าถึงทุนของธุรกิจผู้ประกอบการทุกระดับ รวมไปถึงร่วมกันสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) โดยเฉพาะที่เป็นดิจิทัล การนำบล็อคเชน (Blockchain) มาใช้ ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของการลงทุน แต่บล็อคเชนยังมีแอปพลิเคชันที่จะช่วยในเรื่องของการพัฒนาท้องถิ่นไทย

“ในเรื่องของการปฏิรูปปรับเปลี่ยนในประเทศ อยากให้มาร่วมกันทำ เนื่องจากเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นเป้าหมายของประเทศ ระบอบประเทศไทยเราไม่ใช่ประเทศใหญ่แต่เราก็เป็นประเทศที่มีขนาดเพียงพอหากจะนำเทคโนโลยีมาใช้ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ช่วยกันตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งภาคสังคมและประชาชน สร้างความเข้าใจการรับรู้ การพัฒนาคนสตาร์ทอัพ (Startup) หรือเอสเอ็มอี (SME) ให้เป็นพลังของเราจริงๆ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ในเรื่องที่เราจะทำอย่างไรให้เป็นเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุนของภูมิภาค ซึ่งเชื่อว่าเราจะสามารถทำได้แน่นอน ทุกอย่างเอื้ออยู่แล้ว ทั้งทรัพยากร และตลาดที่เรามี” นายอุตตม กล่าว