สงครามการค้ากดดันราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง แต่ตลาดคาดราคาพุ่ง หลังโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯถูกโจมตี

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับลดลงต่อเนื่อง เหตุตลาดยังไม่วางใจผลกระทบของสงครามการค้า สหรัฐฯ – จีน แม้ว่าทั้งสหรัฐฯ และจีนจะมีการประกาศเลื่อนการบังคับใช้การขึ้นภาษีสินค้าต่างๆ ของทั้งสองประเทศออกไปและพร้อมที่จะเดินหน้าเจรจาร่วมกันในเดือน ต.ค. นี้ก็ตาม ขณะที่ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เองก็คาดว่าผลกระทบของสงครามการค้าอาจทำให้คาดการณ์ GDP โลกปีหน้าลดลงราวร้อยละ 0.8

– กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดตลาดน้ำมันปี 2563 มีแนวโน้มอุปทานล้นตลาด แม้กลุ่มโอเปกและพันธมิตรจะยังคงมาตรการลดการผลิต แต่การส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ จะทำให้อุปทานน้ำมันโลกปีหน้ามีมากเกินความต้องการใช้ ขณะที่ล่าสุดประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่อาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นด้วย

+ ตลาดคาดราคาน้ำมันดิบเช้าวันจันทร์มีแนวโมดีดตัวแรงขึ้น หลังเหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุฯ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) อาจส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบของซาอุฯ ลดลงราว 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของอุปทานน้ำมันดิบโลก

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยตลาดคาดว่าอุปทานในตลาดจะปรับลดลงในช่วงที่โรงกลั่นในเอเชียปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับการนำเข้าของอินโดนีเซียที่ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การส่งออกไปยังยุโรปคาดว่าจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง