มูลค่าตึงตัวเมื่อเหนือ 1,700 จุด …ใช้เป็นจุดแบ่งขาย

คอลัมน์ เติมความคิดพิชิตการลงทุน

โดย เอกภาวิน สุนทราภิชาติ บล.ไทยพาณิชย์

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ตลาดหุ้นในเดือน ก.ย. เหมือนหนังคนละม้วนเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยเดือน ส.ค.ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับเหนือ 1,700 จุด ลงไปทำจุดต่ำบริเวณ 1,590 จุด ด้วยเผชิญปัจจัยลบจากความตึงเครียดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่กลับมาปะทุอีกครั้ง โดยมีการปรับขึ้นอัตราภาษีระหว่างกัน สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกว่าจะถดถอย

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเมื่อเริ่มเข้าสู่เดือน ก.ย. สถานการณ์กลับมาแสดงถึงความตึงเครียดที่ลดลงของทั้ง 2 ประเทศอย่างไม่คาดคิด โดยทั้ง 2 ประเทศตกลงกลับมาเจรจากันอีกครั้ง และเหมือนมีทิศทางที่ดี โดยจีนเสนอซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐมากขึ้น ทำให้สหรัฐอาจผ่อนคลายข้อกำหนดต่อ Huawei และเลื่อนขึ้นภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2.5 แสนล้านเหรียญในอัตรา 30% วันที่ 1 ต.ค.นี้ออกไป และหากการเจรจาออกมาในเชิงบวก ประธานาธิบดีทรัมป์อาจพิจารณาเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าเทคโนโลยี มูลค่า 1.12 แสนล้านเหรียญ ในอัตรา 15% วันที่ 15 ธ.ค.นี้ ออกไปด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ นายมนูชิน รมว.คลัง กล่าวว่า สหรัฐและจีนมีความเห็นร่วมกันในเรื่องข้อบังคับการป้องกันการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย

ขณะที่ธนาคารกลางสำคัญของโลกยังเน้นนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน โดยถ้อยแถลงประธานเฟดครั้งล่าสุดกล่าวว่า เฟดจะยังคงดำเนินมาตรการต่อไปเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ก.ย.นี้ ส่วนด้านธนาคารกลางของจีนได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ลง 0.50% ทุกแห่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 3 ในปีนี้ เพื่อเสริมสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการปรับลด RRR ในครั้งนี้ ส่งผลให้มีสภาพคล่องไหลเข้าสู่ตลาดถึง 8 แสนล้านหยวน

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนมีแผนที่จะลด RRR อีกในวันที่ 15 ต.ค. และ 15 พ.ย. เพิ่มสภาพคล่องอีก 1 แสนล้านหยวน ทำให้ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวไปเป็นแรงหนุน SET ให้ปรับตัวขึ้นมาจากบริเวณ 1,600 จุด อย่างรวดเร็ว ซึ่งผมมองเป้าหมายของ SET ไว้ที่ระดับ 1,700 จุด

หากถามว่า SET มีโอกาสขึ้นเหนือ 1,700 จุด ได้หรือไม่ คำตอบของผม คือ ได้ครับ แต่น่าจะเป็นเพียงได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น หรือยืนระยะไม่ได้ เนื่องจากว่า SET ที่เหนือระดับ 1,700 จุดขึ้นไป มูลค่าด้านพื้นฐานจะเริ่มตึงตัว หรือไม่ถูกแล้วนั่นเอง โดยมูลค่าทางพื้นฐาน ผมจะใช้เป็นตัวกำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ทั้งกรอบบนและกรอบล่าง ซึ่งสมมุติฐานผมมีดังนี้ครับ

EPS ตลาดปี 2563 ใช้ consensus ที่ประมาณการไว้ที่ 110.6 บาทต่อหุ้น และผมกำหนดให้ PE ของ SET จะเคลื่อนไหวบริเวณ 14.5-15.5x เพียงเท่านี้ก็จะได้กรอบการเคลื่อนไหวทางปัจจัยพื้นฐานที่อิงตามมูลค่าของ SET โดยกรอบล่างจะอยู่ที่บริเวณ 1,603 จุด ซึ่งระดับนี้เมื่ออิงกับกำไรในปีหน้าของ SET ตามที่ผมกำหนดไว้ SET จะเทรดที่ระดับ PE เพียง 14.5x ซึ่งถือว่ามีมูลค่าทางพื้นฐานที่น่าสนใจ ทำให้เมื่อถึงระดับนี้ คาดว่าจะเริ่มมีเม็ดเงินกลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาด ส่วนกรอบบนผมมองไว้ที่ระดับ 1,714 จุด ซึ่งระดับนี้เมื่ออิงกับกำไรในปีหน้าของ SET ตามที่ผมกำหนดไว้ SET จะเทรดที่ระดับ PE 15.5x

ซึ่งผมมองว่าเมื่อถึงระดับนี้จะมีมูลค่าตึงตัวแล้ว หรือ SET เริ่มไม่ถูกแล้วครับ (ความจริง PE กรอบบนไปได้ถึง 16.0x อย่างไรก็ตาม ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ ทำให้ผมมองว่านักลงทุนในตลาด ไม่น่าจะให้พรีเมี่ยมของ SET มากนัก) จึงเป็นที่มาของกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ซึ่งจะอยู่ในระหว่าง 1,600-1,700 จุด และใช้กลยุทธ์ขึ้นขาย ลงซื้อ โดยเห็นต่ำกว่า 1,600 จุด ใช้เป็นจุดซื้อเก็บสะสม

ขณะที่เมื่อเริ่มสูงกว่า 1,700 จุด ใช้เป็นจุดขายทำกำไรนั่นเองครับ ดังนั้นในปัจจุบันที่ SET ปรับขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว และเข้าใกล้เป้าหมายบริเวณ 1,700 จุด ผมจึงอยากแนะนำว่า ให้แบ่งขายทำกำไรไปบ้างนะครับ เมื่อเห็น SET ขึ้นไปเหนือระดับ 1,700 จุด และพอกลับลงมาใกล้บริเวณ 1,600 จุดค่อยเข้าเก็บใหม่

สุดท้าย อยากฝากไว้ว่า เราหมดยุคที่ว่า SET เป็น uptrend ไปแล้วนะครับ ตั้งแต่ที่ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,850 จุด เมื่อปลายเดือน ก.พ. ปี 2561 และเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวเข้าสู่ช่วงการปรับฐานมาตั้งแต่นั้น โดยกรอบการเคลื่อนไหวจะเปลี่ยนไปตามมูลค่าทางพื้นฐาน ซึ่งกรอบล่าสุดจะอยู่ในช่วงบริเวณ 1,600-1,700 จุดนั่นเอง


…และพบกันใหม่ในฉบับหน้าครับ…ด้วยรักและหวังดี