JCK คาดขายที่ดินนิคม TFD ปีนี้ 150-200 ไร่ รับผังเมือง EEC หลังนักลงทุนทยอยดูพื้นที่ต่อเนื่อง

JCK ยิ้มรับอานิสงส์ผังเมือง EEC และสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ กดดันผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในเขต EEC ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้นิคมอุตสาหกรรม TFD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาดูพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คาดปีนี้จะกวาดยอดขายที่ดิน 150-200 ไร่
นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) หรือชื่อเดิมคือ บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและส่งเสริมโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ทำให้บริษัทซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรม TFD1 และ TFD2 ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ EEC ทำให้เป็นที่ดึงดูดใจของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุน โดยมีผู้ประกอบการทยอยเข้ามาดูพื้นที่ต่อเนื่อง และคาดว่าภายในปีนี้จะขายที่ดินได้ 150-200 ไร่

“นิคม TFD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะอยู่ในพื้นที่ EEC อยู่ใกล้กรุงเทพใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาทีเท่านั้น โดยนักลงทุนได้เริ่มเข้ามาดูพื้นที่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 เป็นต้นมา คาดว่าภายในปีนี้น่าจะมียอดการขายที่ดิน 150-200 ไร่”นายอภิชัย กล่าว

นายอภิชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ จนเกิดสงครามการค้าขึ้นมาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม 2561 โดยสหรัฐฯได้จัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศจีนต่างได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการเหล่านั้นจึงพากันย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น โดยมีประเทศไทยอยู่ในตัวเลือกลำดับต้น ๆ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ EEC ซึ่งรัฐบาลได้ให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนเป็นพิเศษ

ส่วนเรื่องที่ดินเช่าจากกรมธนารักษ์ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เนื้อที่ประมาณ 1,335 ไร่นั้น ปัจจุบันกำลังปรับปรุงผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและจะเริ่มเข้าทำการปรับพื้นที่ในปลายปีนี้ คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป โดยขณะนี้บริษัทได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติหลายรายที่มีความประสงค์ เข้าร่วมกับบริษัทเพื่อทำการพัฒนาที่ดินแปลงนี้ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาและตัดสินใจเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรกับบริษัทเพื่อนำความรู้และความชำนาญของแต่ละฝ่ายมาขับเคลื่อนร่วมกันดำเนินโครงการ ONE NAKRONPHANOM