ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (25/11) ที่ระดับ 30.18/20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (22/11) ที่ระดับ 30.18/20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.9 ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 50.9 ในเดือน ต.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 96.8 ในเดือน พ.ย. สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่า ดัชนีจะลดลงสู่ระดับ 94.9 ขณะเดียวกันสินทรัพย์ปลอดภัยต่าง ๆ ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐขานรับความหวังว่าสหรัฐ-จีนจะบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ ภายหลังจากที่ผู้นำของแต่ละฝ่ายออกมาแสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมองแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในระยะต่อไปมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเงินบาทแข็งค่ากว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาค และยอมรับว่าค่าเงินบาทแข็งค่าเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานของประเทศแล้ว ซึ่งสถานการณ์ต่างประเทศเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการกำหนดทิศทางอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นต้องการให้ภาคเอกชนบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้ดี ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยปี 62 อาจเติบโตได้ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่ยังมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 63 ว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.19-30.235 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 30.22/23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในวันนี้ (25/11) ค่าเงินยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.1023/25 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (22/11) ที่ระดับ 1.1060/62 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าลง หลังผลสำรวจพบว่ากิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนยังคงชะลอตัว โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.6 ในเดือน พ.ย. จากระดับ 50.9 ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.0 ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1011-1.1032 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1011/13 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนในวันนี้ (25/11) เปิดตลาดที่ระดับ 108.78/80 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (22/11) ที่ระดับ 18.52/54 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยนักลงทุนปรับลดการถือครองเงินเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ขานรับความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน โดยค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 108.65-108.89 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 108.84/86 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือน ต.ค. จากเฟดชิคาโก (25/11), สต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน ต.ค. (26/11), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย.จาก Conference Board (26/11), ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2) (27/11), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค. (27/11), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (27/11), สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (27/11), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (27/11), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือน ต.ค.) (27/11)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.35/-1.15 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -0.15/+0.95 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ