กนง.เกาะติด 4 ประเด็นเปราะบาง พร้อมงัดมาตรการดูแลความเสี่ยงเชิงระบบ

ธปท. เผยรายงานการประชุมกนง.-กนส. พบระบบการเงินไทยยังมีจุดสะสมความเปราะบางภายใต้เศรษฐกิจชะลอตัว เกาะติด 4 ประเด็นหลัก พบหนี้ครัวเรือนเพิ่ม เหตุธนาคาร-นอนแบงก์เร่งปล่อยสินเชื่อบุคคล-บัตรเครดิต ระบุสินเชื่อเอสเอ็มอีด้อยคุณภาพลงลามจากรายเล็กสู่รายใหญ่ ชี้ ดอกเบี้ยต่ำหนุนคนแสวงหาผลตอบแทน พร้อมเกาะติดสหกรณ์ออมทรัพย์ขาดสภาพคล่องมีความเสี่ยงสูง พร้อมศึกษามาตรการเพิ่มเติมดูแลความเสี่ยงเชิงระบบ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการเปิดเผยรายงานผลการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เพื่อติดตามและประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ว่า ที่ประชุมเห็นว่าระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) และธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี ระบบการเงินไทยยังคงมีจุดที่สะสมความเปราะบางภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกและไทยที่ชะลอตัว และภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยที่ประชุมให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 4 เรื่อง ดังนี้

มาตรการ LTV ลดเก็งกำไร

สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของปียังขยายตัว โดยสินเชื่อสำหรับผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรก (ผ่อนสัญญาเดียว) ไม่ได้รับผลกระทบจากหลักเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ loan to value: LTV) โดย LTV ยังทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ดี สัญญาณการเก็งกำไรและความไม่สมดุลในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลงสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรการ LTV โดยสถาบันการเงินพิจารณาสินเชื่อที่รัดกุมขึ้น การเก็งกำไรสะท้อนจากจำนวนบัญชีสินเชื่อปล่อยใหม่สัญญาที่ 2 ขึ้นไปของธนาคารลดลง และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอเปิดตัวโครงการใหม่

สินเชื่อ SMEs คุณภาพด้อยลง

ขณะที่ สถานการณ์หนี้ครัวเรือนและสินเชื่อธุรกิจ SMEs ยังคงน่ากังวล โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP อยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนหนึ่งเพราะธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่ธนาคาร (non-banks) ยังขยายการปล่อยสินเชื่อให้กับครัวเรือน โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล จึงต้องติดตามครัวเรือนบางกลุ่มที่มีฐานะทางการเงินเปราะบางมากขึ้น ขณะเดียวกัน คุณภาพของสินเชื่อธุรกิจ SMEs ด้อยลงต่อเนื่อง โดยปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพเริ่มขยายวงจากธุรกิจขนาดเล็กซึ่งเดิมมีความเปราะบางสูงไปสู่ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

“ภายใต้ภาวะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวและธุรกิจต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ที่ประชุมเห็นว่าการดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือนและธุรกิจ SMEs ต้องบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและต้องดำเนินการแบบองค์รวมทั้งในเชิงป้องกันและเชิงแก้ไข รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหาอยู่เดิม”

ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่ออย่างเหมาะสมตามความสามารถในการชำระหนี้และการดำรงชีพของผู้กู้ รวมทั้งขอให้ดูแลลูกหนี้ตั้งแต่เริ่มเห็นสัญญาณความสามารถในการชำระหนี้ที่ด้อยลงเพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียในอนาคตและเร่งปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ SMEs กลุ่มที่มีศักยภาพแต่ขาดสภาพคล่องชั่วคราวเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อได้ นอกจากนี้ ธปท. ร่วมกับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด ขยายขอบเขตโครงการคลินิกแก้หนี้ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้รายเดียวและที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีด้วย ในระยะต่อไป ที่ประชุมเห็นควรศึกษาหาแนวทางเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีศักยภาพในวงที่กว้างขึ้น

ดอกเบี้ยต่ำหนุนพฤติกรรม search for yield

ภายใต้ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน พบการสะสมความเปราะบางทั้งด้านการระดมทุนและพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงได้ยกระดับการกำกับดูแลกองทุนรวมและการออกตราสารหนี้ รวมทั้งมีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยปรับหลักเกณฑ์การเสนอขายและการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่ผู้ลงทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลเพียงพอและคำแนะนำที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของผู้ลงทุนแต่ละประเภท และ (2) กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ระดมทุนโดยเฉพาะผ่านการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้น การดูแลความเสี่ยงในส่วนนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ด้านธุรกิจประกันภัยยังเผชิญแรงกดดันด้านการทำกำไรในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจประกันภัยได้ปรับตัวทั้งด้านสินทรัพย์ลงทุนและการออกผลิตภัณฑ์ที่เน้นความคุ้มครองแทนการรับประกันผลตอบแทนมากขึ้น

เกาะติดสหกรณ์ออมทรัพย์ขาดสภาพคล่อง

ความเชื่อมโยงภายในระบบสหกรณ์ออมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากการรับฝากและปล่อยกู้ระหว่างกัน ซึ่งอาจเป็นช่องทางสำคัญในการส่งผ่านความเสี่ยงในระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ ขณะที่พฤติกรรม search for yield ยังมีต่อเนื่อง สะท้อนจากสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงเห็นว่าภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเร่งผลักดันกฎกระทรวงประกอบพระราชบัญญัติสหกรณ์ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ด้านการลงทุน การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตและสภาพคล่อง และการก่อหนี้ของลูกหนี้สมาชิก และติดตามสหกรณ์ออมทรัพย์กลุ่มที่ขาดสภาพคล่อง ซึ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นนภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว


“ที่ประชุมประเมินว่าระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ความเสี่ยงในระยะข้างหน้ายังอยู่ในระดับสูงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและไทยที่ขยายตัวชะลอลงและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำนานขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการสะสมความเปราะบางในระบบการเงิน ที่ประชุมเห็นควรให้ติดตามพัฒนาการใน 4 ประเด็นข้างต้น อย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามผลของมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้วและศึกษามาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติมเพื่อดูแลความเสี่ยงเชิงระบบที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต”