‘บลจ.วรรณ’ เปิดขาย IPO กองทุน ‘ONE-TCMSSF-SSFX’ ตั้งแต่วันนี้ – 21 เม.ย.63

“บลจ.วรรณ” เสนอขาย “กองทุนเปิด วรรณ สนับสนุนตลาดทุนไทย เพื่อการออม หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมพิเศษ (ONE-TCMSSF-SSFX)” วันนี้ถึง 21 เม.ย.63 เน้นลงทุนหุ้นไทย 80-100% ชูกลยุทธ์บริหารพอร์ตเชิงรุกในหุ้น 20-40 บริษัท ชี้หุ้นไทยความเสี่ยงขาลงเริ่มจำกัด-มาตรการภาครัฐยังเป็นปัจจัยบวกสนับสนุน

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) “กองทุนเปิด วรรณ สนับสนุนตลาดทุนไทย เพื่อการออม หน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมพิเศษ (ONE-TCMSSF-SSFX)” ถึง 21 เม.ย.63 โดยนโยบายกองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไม่น้อยกว่า 65% สำหรับเกณฑ์ลดหย่อนไม่อ้างอิงรายได้และสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี (ลดหย่อนภาษี) โดยต้องไม่รวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ประกันบำนาญและกองทุนเกษียณอื่นๆ

“บลจ.วรรณ ในฐานะสมาชิกบริษัทจัดการลงทุนมีความยินดีจะร่วมเสนอขายกองทุนสนับสนุนตลาดทุนเพื่อเป็นอีกหนึ่งกลไกสำหรับการลงทุนในระยะยาว ซึ่งวัตถุประสงค์ของการเสนอขายกองทุนนี้เป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น นโยบายลงทุนจะมีความยืดหยุ่น โดยกองทุนสามารถถปรับสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ระหว่าง 80-100% เพื่อให้มีความเหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละช่วง และจะเน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่และขนาดกลางซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และอาจมีการลงทุนในหุ้นไทยขนาดเล็กเพื่อผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น โดยจะเน้นบริหารจัดการเชิงรุก (Active Management) กระจายการลงทุน 20-40 หลักทรัพย์ ทั้งนี้ กองทุน ONE-TCMSSF-SSFX จะเสนอขายช่วงหลัง IPO ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. – 30 มิ.ย.63” นายพจน์ กล่าว

ขณะที่มุมมองการลงทุนในช่วงนี้ นายพจน์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมามากในช่วงที่ผ่านมาจึงเป็นจังหวะที่ทยอยเข้าสะสมได้ โดยหากพิจารณาในเชิงของมูลค่า (Valuation) ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ค่อนข้างน่าสนใจที่ระดับราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ประมาณ 13 เท่า และอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 4% ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ในส่วนของปัจจัยสนับสนุนอื่น บลจ.วรรณ มองว่า ตัวเลขเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ธนาคารกลางหลายประเทศมีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น

รวมถึงมาตรการทางการคลังที่ออกมาต่อเนื่องจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง (Downside) ของตลาดได้อีกทางหนึ่ง ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ผ่านไปแล้ว คาดว่าจะมีการเร่งรัดและเปิดประมูลมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หากสถานการณ์ไวรัสสามารถควบคุมได้

ในส่วนของค่าเงินบาท มองว่า มีโอกาสอ่อนค่าต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลงและผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกต่อเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่อ่อนค่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อภาคการส่งออก นอกจากนี้ มาตรการทางภาครัฐ ทั้งมาตรการด้านการเงิน มาตรการภาษี รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือตลาดทุนด้วยการให้นำเงินกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และ กองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) นำมาหักภาษีได้ 4 แสนบาท ระยะเวลาลงทุน 10 ปี น่าจะเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นต่อตลาด

นายพจน์ กล่าวอีกว่า บลจ.วรรณ คาดการณ์เป้าหมายของดัชนีปีนี้ในกรอบ 1,130-1,280 จุด โดยกรอบบนที่ 1,280 จุด บริษัทคาดการณ์บนสมมุติฐานหากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลกถูกควบคุมได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ และกิจกรรมการผลิตของจีนทยอยกลับสู่ภาวะปกติในไตรมาส 2 ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังให้น้ำหนักเกี่ยวกับปัจจัยอัตราดอกเบี้ย โดยมีสมมติฐานว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.50% ช่วงครึ่งปีแรก ควบคู่กับมาตรการทางการคลังเพื่อเยียวยาและสนับสนุน

ส่วนกรอบล่างที่ 1,130 จุด คาดการณ์บนสมมุติฐานที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิคในบางประเทศสำคัญ ราคาน้ำมันไร้เสถียรภาพ และปัจจัยในประเทศ ภาคการท่องเที่ยวซบเซาต่อเนื่องจนถึงครึ่งปีหลัง ภัยแล้งกระทบรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตร และความไม่สงบทางการเมืองเป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมของรัฐบาล อย่างไรก็ดี ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนของเดือนนี้ บลจ.วรรณ มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มอาหาร