“ธีระชัย” อดีตขุนคลัง-บิ๊กแบงก์ชาติ ชำแหละหุ้นกู้การบินไทยสร้างปัญหาไม่คาดคิด

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อเร็ว ๆนี้ ว่า “หุ้นกู้ บริษัทการบินไทยสร้างปัญหาไม่คาดคิด?”

โดยระบุว่า “ผมได้ข้อมูลภาพข้างล่าง (ข่าวที่มีเนื้อหาว่า 74 สหกรณ์ เจ้าหนี้การบินไทยมีความเสี่ยงสูญเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท) แต่ยังไม่สามารถยืนยัน ปรากฏว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์ของพนักงานในหลายองค์กร ที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้ใน บริษัทการบินไทยระบุว่าเป็นจำนวนเงินรวมกัน 3.6 หมื่นล้านบาท

ในจำนวนนี้ มีสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงาน ธปท. 727 ล้านบาท ลำดับที่ 14 ซึ่งอาจจะเป็นที่สนใจของคณะกรรมการกำกับกองทุน BSF

ถามว่า ถ้าหากสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งหลายต้องขาดทุน สังคมควรจะช่วยเหลือชดเชยให้หรือไม่?

การออมเงินที่รัฐบาลเป็นประกันมีแต่ในแบงค์รัฐ ส่วนการออมในแบงค์พาณิชย์ มีระบบประกันเงินฝากรองรับ

แต่ตลาดตราสารหนี้เป็นตลาดที่ผู้ออมเชื่อมโยงกับผู้ใช้เงินที่ออกตราสารหนี้เอง และผู้ออมทำหน้าที่พิจารณาระดับความเสี่ยงเอง จึงเป็นการลงทุนแบบ high risk high return และที่ผ่านมาผู้ลงทุนก็ได้รับดอกเบี้ยในระดับสูงไปเรียบร้อยหลายปีแล้ว

นอกจากนี้ การตัดสินใจลงทุนก็ดำเนินการโดยคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งย่อมมีความเชี่ยวชาญระดับหนึ่ง
ดังนั้น สังคมส่วนใหญ่ก็คงจะประสงค์ให้ผู้ลงทุนรับความเสี่ยงเอาเอง แทนที่จะใช้ภาษีของประชาชนส่วนรวม

อย่างไรก็ดี ถ้าหากรัฐบาลเกิดอยากจะช่วยเหลือสหกรณ์ออมทรัพย์ ก็ย่อมมีสิทธิที่จะคิดใช้ภาษีของส่วนรวม เพื่อคุ้มครองหรือชดเชยแก่นักลงทุนกลุ่มใดก็ได้

แต่ก็ต้องเสนอให้รัฐสภาพิจารณา และต้องชี้แจงเหตุผลแก่ประชาชนให้ชัดเจน รวมทั้งต้องพร้อมจะรับผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

อย่างไรก็ดี สำหรับ ธปท. ซึ่งอาจมีผู้บริหารบางราย ที่มีผลประโยชน์กับสหกรณ์ออมทรัพย์ จำเป็นต้องระวังมิให้เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ

หรือฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยความผิดพนักงานองค์การของรัฐ ในการทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยมิชอบ

เพิ่มเติม มีผู้อ่านแจ้งว่า ขณะนี้หุ้นกู้รัฐวิสาหกิจไม่เข้าข่าย BSF ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เป็นข้อสังเกตเฉพาะแก่รัฐบาล อย่างไรก็ดี พระราชกำหนดไม่ได้ห้ามไว้ ดังนั้น กรรมการ BSF จะเปลี่ยนใจเมื่อใดก็ได้