กูรูแนะทิ้งหุ้น ‘บินไทย’ ถือเงินสด หวั่นอนาคตเสี่ยงสูง

Photo by Vivek PRAKASH/AFP

“บล.ทิสโก้” เตือนลงทุนหุ้นฟื้นฟูเสี่ยงสูง ชี้สถิติ 52 บจ.ยื่นฟื้นฟูกลับมาซื้อขายในตลาดหุ้นได้ไม่ถึงครึ่ง เฉลี่ยกินระยะเวลานานถึง 7 ปี กูรูแนะขายหุ้น “บินไทย” ถือเงินสด อนาคตความไม่แน่นอนสูง

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำหลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นที่เข้าสู่กระบวนการยื่นฟื้นฟู เนื่องจากหุ้นที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เช่น แผนฟื้นฟูอาจไม่ผ่านหรือไม่ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ ความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องล้มละลาย และใช้เวลานานในการพิสูจน์ว่าบริษัทจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ

ทั้งนี้ จากสถิติตั้งแต่ปี 2540 พบว่า มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูรวม 52 บริษัท และใช้เวลาเฉลี่ยนานถึง 7 ปีจึงจะสามารถกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตามปกติ โดยในจำนวน 52 บริษัท มีเพียง 44% เท่านั้นที่ฟื้นฟูได้สำเร็จ

“คนที่มีหุ้นก็ต้องช่างน้ำหนัก ระหว่างความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินไปทั้งหมด หรือการขายหุ้นตอนนี้เพื่อดึงสภาพคล่องกลับมา โดยการพิจารณาราคาหุ้นเทียบกับมูลค่าทางบัญชี (Book Value) เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ถ้าราคาหุ้นสูงกว่า Book Value ก็ถือว่าเราขายได้ราคา ปกตินักลงทุนจะตัดสินใจลำบากตอนที่ราคาหุ้นตกลงมากๆ จนแทบจะเป็นศูนย์อยู่แล้ว อาจจะไม่ยอมขาย สู้ไปลุ้นเอาดีกว่า” นายอภิชาติ กล่าว

ขณะที่ แหล่งข่าวในวงการตลาดทุน กล่าวว่า จากกรณีที่ บมจ.การบินไทย (THAI) ยื่นฟื้นฟูต่อศาลล้มละลาย ปรากฏว่าราคาหุ้นกลับปรับขึ้นมาชนระดับสูงสุดของวัน (Ceiling) ซึ่งตามปกติแล้วราคาหุ้นที่เข้าสู่กระบวนการยื่นฟื้นฟูมักจะปรับลดลงจากความกังวลสถานะการเงินของบริษัท โดยล่าสุดราคาหุ้น THAI ปรับขึ้นสูงกว่า Book Value ในช่วงก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ไปแล้ว

“สำหรับคนที่ไม่มีหุ้นในพอร์ต เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุนไปเลย แต่คนที่มีหุ้นอยู่จังหวะที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเรามองว่าเป็นโอกาสขายทิ้งดีกว่า ดีกว่าที่จะไปลุ้นอนาคตซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูงมาก เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าบริษัทเข้าข่ายที่จะเจ๊ง ถึงต้องเข้าแผนฟื้นฟูหรือยื่นล้มละลาย” แหล่งข่าว กล่าว